หลอดไฟเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุ หรือการใช้งาน เมื่อเสื่อมสภาพก็ต้องซื้อหลอดใหม่มาเปลี่ยน ดังนั้นหากจะพูดถึงความประหยัด หรือความคุ้มค่าแล้วนั้น นอกจากพลังงานที่ใช้คงต้องนำเรื่องของอายุการใช้งานมาเป็นส่วนประกอบด้วย รวมไปถึงราคา และการให้ความสว่าง
หลอดไฟที่เมื่อเทียบแล้วประหยัด และคุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน คงต้องยกให้หลอดไฟแอลอีดี (LED) ในสมัยที่หลอดไปแอลอีดีถูกคิดค้นขึ้นมาแรกๆ มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้คนไม่นิยมเลือกใช้ถึงแม้ว่าจะมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไฟแบบอื่นๆ แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้หลอดไฟแอลอีดี (LED) มีราคาที่ถูกลง ไม่ต่างจากหลอดประเภทอื่นมากนัก
นอกจากเรื่องของราคาที่ไม่แตกต่างจากหลอดไฟแบบอื่นๆ มาก หลอดไฟแบบแอลอีดี (LED) ยังประหยัดพลังงานได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบหลอดไส้ และประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดตะเกียบถึง 40% แถมอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไฟแบบหลอดไส้ถึง 15 เท่า
สารบัญ
หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่าการจะเลือกหลอดไฟให้ดูที่วัตต์ ยิ่งวัตต์มากยิ่งสว่าง แต่จริงๆ แล้ววัตต์เป็นหน่วยของพลังงานที่ใช้ ยิ่งมากแปลว่ายิ่งกินไฟ การที่เราจะเลือกหลอดไฟมาใช้มีองค์ประกอบต่างๆ ที่เราต้องนำมาพิจารณาอยู่หลายตัวด้วยกัน
1.ค่าพลังงาน : มีหน่วยเป็นวัตต์ที่เราเห็นบนกล่องหลอดไฟ เป็นค่าพลังงานที่ใช้ ยิ่งวัตต์สูง ยิ่งทำให้ใช้ไฟฟ้ามากตามไปด้วย
2.ค่าฟลักซ์แสงสว่าง : มีหน่วยเป็นลูเมน (Lumen) เป็นหน่วยวัดความสว่างของแสงที่เปล่งออกมา ยิ่งมากแสดงว่าหลอดไฟดวงนี้ให้แสงสว่างมาก
3.ค่าประสิทธิภาพ : หรือเรียกว่า Efficacy เป็นการนำค่าแสงสว่าง (ลูเมน) มาหารด้วยค่าพลังงาน (วัตต์) ค่าที่ออกมา แปลได้ว่า หลอดไฟหลอดนี้ใช้พลังงาน 1 วัตต์ ให้แสงสว่างกี่ลูเมน ยิ่งสูงแปลว่า 1 วัตต์ให้แสงสว่างเยอะ ทำให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
4.ค่าความถูกต้องของสี : หรือ Color Rendering Index (CRI) เป็นค่าที่บอกว่าแสงไฟจากหลอดไฟหลอดนี้ เมื่อกระทบกับวัตถุจะทำให้สีของวัตถุเพี้ยนจากความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด ซึ่งใช้มาตรฐานจากแสงอาทิตย์ที่ถือว่าเป็นแสงธรรมชาติ หากหลอดไฟหลอดใดมีค่า CRI สูงยิ่งให้ความถูกต้องของสีวัตถุใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้สีไม่เพี้ยน และดวงตาของเราไม่ทำงานหนักเกินไป
5.ขั้วหลอดไฟ : การจะซื้อหลอดไฟ เราจำเป็นต้องดูที่ขั้วหลอดไฟให้ตรงกับแท่นขั้วที่เราจะนำหลอดไฟไปใช้งาน ซึ่งปกติแล้วขั้วหลอดไฟที่นิยมใช้จะมี E27 E14 (ขั้วเกลียว) G10 (ขั้วขาตะเกียบ)
* ค่าต่างๆ สามารถดูได้ที่ข้างกล่องของหลอดไฟได้เลย!! *
หลอดไฟแบบหลอดไส้ (Incandescent)
หลอดไฟชนิดนี้มีลักษณะภายนอกเหมือนที่เราคุ้นตาคือเป็นหลอดแก้ว ภายในมีลวดขดอยู่ทำจากทังสเตน เมื่อเปิดไฟใช้งาน กระแสไฟฟ้าจะเกิดความร้อน ยิ่งร้อนมาก ยิ่งให้แสงสว่างมาก แต่เป็นหลอดไฟที่สิ้นเปลืองพลังงาน เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าที่ปล่อยเข้าไป ถูกใช้ไปกับการทำความร้อนเสียมากกว่า และมีอายุการใช้งานต่ำ
หลอดไฟแฮโลเจน (Halogen)
หลอดไฟแฮโลเจน เป็นหลอดไฟที่มีลักษณะและหลักการทำงานเหมือนๆ กับหลอดไฟแบบหลอดไส้ แต่แตกต่างกับที่หลอดไฟแบบแฮโลเจนมีการใส่สารกลุ่มฮาโลเจนลงไป ทำให้ยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าหลอดไฟแบบแรก
หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรารู้จักในชื่อหลอดไฟนีออน มีลักษณะเป็นหลอดแก้วภายในบรรจุแก๊ส มีขั้วหลอดสองฝั่ง เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง ในขณะไหลไปจะมีอิเล็กตรอนไหลไปด้วย เมื่ออิเล็กตรอนไหลไปชนกับอะตอมของปรอท จะเกิดเป็นพลังงานและรังสีอัลตราไวโอเลตทำให้เกิดแสงสว่าง แต่ภายในหลอดแก้วเคลือบด้วยสารดูดซับสีขาว ซึ่งจะดูดซับรังสียูวี และปล่อยออกมาเฉพาะแสงที่เรามองเห็น หลอดไฟชนิดนี้จะต้องใช้งานร่วมกับบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์
LED ย่อมาจาก Light Emitting Diodes เป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ ทยอยเข้ามาแทนที่หลอดไฟแบบเก่า ด้วยหลักการทำงานของหลอดไฟแอลอีดีคือ เป็นการปล่อยไฟฟ้าไปที่ชิป และให้แสงสว่างจากอิเล็กตรอน โดยไม่มีการทำให้เกิดความร้อน ไม่เผาไส้หลอด และด้วยรูปทรงที่มีขนาดเล็กทำให้ลดทอนข้อจำกัดในเรื่องการออกแบบเพื่อนำหลอดไฟไปใช้งาน
นอกจากนี้ เรายังพาเพื่อนมารู้จัก ค่าอุณหภูมิสี (Color Temperature) ที่มีสีแตกต่างในการใช้งาน แล้วสมควรใช้งานในห้องแบบไหน ไปดูกัน
Color Temperature มีหน่วยเป็น Kelvin (K) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากสีของท้องฟ้าในแต่ละช่วง มีตั้งแต่ 1,000-10,000 องศาเคลวิน (K) หลักๆ แบ่งออกเป็น 3 โทน
ขอขอบคุณภาพจาก : www.sangfi.com
1. แสงวอร์มไวท์ (Warmwhite) : มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,000-3,000 K เป็นแสงโทนสีเหลืองเข้ม เป็นสีที่มีผลต่อความรู้สึก ทำให้อบอุ่นและผ่อนคลาย จึงเหมาะนำไปใช้ในสถานที่ให้บริการ อย่างร้านสปา โรงแรม หรือตามบ้านเรือนอย่างในห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น
2. แสงคูลไวท์ (Coolwhite) : มีอุณหภูมิสี 4,000-5,000 K เป็นแสงโทนสีเหลืองขาว คุณสมบัติคือทำให้สีจากวัตถุดูคมชัดและเข้มขึ้น ไม่นิยมนำมาใช้ แต่จะถูกใช้ไปกับงานป้าย งานโชว์สินค้า ไฟบนเวที เป็นต้น
3. แสงเดย์ไลท์ (Daylight) : มีอุณหภูมิสีที่ 6,000 K เป็นแสงโทนสีขาว เป็นสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด นิยมใช้เนื่องจากทำให้แสงที่สะท้อนจากวัตถุไม่เพี้ยน จะพบเห็นได้ตามสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม บ้านเรือน เป็นต้น
หลอดไฟที่เมื่อเทียบแล้วประหยัดและคุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน คงต้องยกให้หลอดไฟแอลอีดี (LED) ในสมัยที่หลอดไฟแอลอีดีถูกคิดค้นขึ้นมาแรกๆ มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้คนไม่นิยมเลือกใช้ถึงแม้ว่าจะมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไฟแบบอื่นๆ แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้หลอดไฟแอลอีดี (LED) มีราคาที่ถูกลง ไม่ต่างจากหลอดประเภทอื่นมากนัก
หลอดไฟแบบแอลอีดี (LED) ยังประหยัดพลังงานได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบหลอดไส้ และประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดตะเกียบถึง 40% แถมอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไฟแบบหลอดไส้ถึง 15 เท่า
ข้อดีเพิ่มเติม : ของหลอดไฟแอลอีดี (LED) เมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ คือเป็นหลอดไฟที่ไม่ปล่อยรังสียูวี ทำให้ปลอดภัยต่อผิวของเรา รวมทั้งให้แสงสว่างที่ถูกต้อง ชัดเจน ทำให้สีวัตถุไม่เพี้ยน และบางรุ่นก็สามารถปรับโทนสีได้ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาให้ใช้พลังงานน้อยลงเรื่อย ๆ อีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับ บทความ ทำความรู้จักกับชนิดของ “หลอดไฟ” แล้วยังให้ความรู้เกี่ยวกับ ค่าอุณหภูมิสี และใช้หลอดแบบไหนประหยัดที่สุด อีก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้หลอดไฟให้ตรงกับความต้องการของทุกคนนะคะ เพราะเราคือ วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ พร้อมให้คำแนะนำ และ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ facebook fanpage : “WeHome วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ” แอดมินยินดีให้คำปรึกษา
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ : httpd://www.officemate.co.th/blog/เลือกหลอดไฟ-คุ้มค่า/
: http://infographic.in.th/infographic/หลอดไฟแบบไหนที่ช่วยประ
วิธีการสั่งซื้อทางช่องอื่น
📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline
📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline
🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์ https://www.wehome.co.th ตลอด 24 ชม.
🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online
🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : https://www.shopee.co.th/wattanaonline
🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : https://www.jd.co.th/shop/pc/27676.html
🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC :
📞8. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000