Category Archives: ปัญหาเรื่องบ้าน

HOW TO! การเลือกถังเก็บนํ้า แทงค์นํ้า ให้เหมาะกับการใช้งาน

หลายๆท่านอาจจะสับสนกับการเลือกซื้อถังเก็บน้ำหรือ แท้งค์น้ำ ว่าเราควรซื้อแบบไหนดี แบบไหนที่เหมาะกับบ้านเราดี แบบไหนที่ใช้งานได้คุ้มค่ากว่ากันดี…??? เป็นคำถามที่ วนเวียนอยู่ในหัวของเราตลอด โดยเฉพาะคนที่เริ่มทำบ้าน และไม่ได้ ถามช่างประปามาก่อน หรือ คนที่เป็นที่ใช้น้ำน้ำบาดานมาก่อนและเปลี่ยนมาใช้น้ำประปา ก็ จะมีคำถามอยู่ในหัวแบบนี้ ค่ะ และวันนี้ แอดจะพาทุกท่านมาดู วิธีเลือกถังเก็บน้ำ หรือ แทงค์น้ำให้เหมาะกับการใช้งาน ของท่านกันค่ะ

เลือกชนิดของถังเก็บน้ำ

ทุกคนคงเคยเห็นกันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่า ถังเก็บน้ำ หรือบางคนเรียกว่า แท้งค์เก็บน้ำ ที่คนที่นิยมใช้งานจะมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่

1. ถังเก็บน้ำสแตนเลส

           สำหรับใช้บรรจุน้ำสะอาด น้ำประปา น้ำฝน เพื่อการอุปโภค-บริโภค สะอาดปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ แข็งแรง แตกยาก ทนทาน สวย เงางาม ทนแดด ทนฝน ทนทานต่อการกัดกร่อน ฝุกร่อนยาก ทนความร้อนได้ดี ไม่เกิดกลิ่น เมื่อเก็บน้ำไว้นาน เคลื่อนย้ายสะดวก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่เกิดตะไคร่น้ำ ง่ายต่อการทำความสะอาด และสามารถปลอยน้ำทิ้งไล่ตะกอนที่ตกค้างออกได้จนหมดถัง ควรทำความสะอาดทั้งภายใน และภายนอก ทุกๆ 6 เดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวมากขึ้น

ข้อควรระวัง

1. ไม่ควรนำไปใช้บรรจุน้ำที่มีค่าความเป็นกรด เป็นด่างสูง เช่น น้ำบาดาล น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำที่มีคลอรีนสูง หรือ น้ำที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูง เพราะอาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้

2. ไม่ควรนำไปวางตั้งในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น พื้นที่ลาดเอียง ใกล้ทะเล เศษเหล็กจากการเชื่อมงาน ละองจากการพ่นสี เศษปูนจากงานก่อสร้าง สารเคมีต่างๆ เป็นต้น เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาทำให้เป็นสนิมได้

3. ห้ามใช้ข้อต่อที่เป็นเหล็กในการติดตั้ง เนื่องจากเนื้อแสตนเลสเมื่อสัมผัสกับเนื้อเหล็กแล้วจะทำปฏิกิริยาต่อต้านกัน จนทำให้เกิดสนิม ควรใช้ข้อต่อที่เป็นสแตนเลส ทอเหลือง หรือ PVC เท่านั้น เพื่อยืดอายุการใช้งาน

2. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส

          เป็นถังเก็บน้ำสำเร็จรูปที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากผลิตขึ้นจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fiberglass Reinforced Plastics หรือ FRP) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดแข็ง ที่มีการใส่วัสดุช่วยเสริมความแข็งแรงอย่าง “เส้นใยแก้ว” ซึ่งมีความอ่อนนุ่ม ทว่าเหนียว แข็งแรง และทนต่อแรงดึงได้สูงมาก ลงไป เพื่อให้ได้ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสที่มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย มีน้ำหนักเบา และสามารถรองรับแรงอัดได้ดี

           ส่วนใหญ่คนจะเลือกใช้ถังเก็บน้ำชนิดนี้กัน เพราะดีไซน์หลากหลายสวยงาม เอาไปวางใช้งานที่บ้านแล้วดูเข้ากัน ไม่สะดุดตา อีกทั้งยังแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา รับแรงดันได้ดี ไม่เป็นพิษกับน้ำ ใช้ได้กับทั้งน้ำประปา และน้ำกร่อย

ข้อดีของถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส

1. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสสามารถบรรจุน้ำได้หลายหลายชนิดทั้งน้ำสะอาด และน้ำกร่อย โดยไม่ทำให้เกิดตะไคร่น้ำและสนิม เนื่องจากเส้นใยแก้วซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตไฟเบอร์กลาสไม่มีส่วนผสมของเหล็ก ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดสนิม
2. มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ทั้งถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสแบบบนดินและแบบฝังดิน
3. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสมีให้เลือกใช้งานหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่ใช้ตามบ้าน ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ใช้ในงานส่วนอุตสาหกรรม
4. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสมีความแข็งแรงกว่าถังเก็บน้ำโพลีเอทิลีน หรือ ถังเก็บน้ำพลาสติก

5. เมื่อต้องการเก็บน้ำสำรองในปริมาณมาก การใช้ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสสามารถประหยัดต้นทุนในการก่อสร้างได้มากกว่า เมื่อเทียบกับการสร้างบ่อคอนกรีตหรือบ่อปูนขนาดใหญ่
6. สามารถติดตั้งได้ง่าย และใช้เวลา รวมถึงจำนวนแรงงานในการติดตั้งน้อยกว่า
7. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสดูแลรักษาง่าย เมื่อเกิดความเสียหายสามารถซ่อมแซมได้ทุกจุด โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนใหม่
8. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส แข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 20 ปี
9. ปลอดภัยสำหรับการอุปโภคบริโภค เพราะวัสดุที่ใช้เป็น Food Grade

3.ถังน้ำโพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง

          ถังเก็บน้ำ PE (โพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง) หรือ ถัง PE สีฟ้า ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง หรือที่ที่มีแสงส่องถึงเนื่องจาก คุณสมบัติของตัวเนื้อพลาสติกไม่มีความทึบแสงทำให้แสงสามารถลอดผ่านตัวถังเข้าไปสัมผัสกับน้ำได้ ทำให้มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง

        ถังเก็บน้ำ PE (โพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง) หรือ ถัง PE สีฟ้า ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง หรือที่ที่มีแสงส่องถึงเนื่องจาก คุณสมบัติของตัวเนื้อพลาสติกไม่มีความทึบแสงทำให้แสงสามารถลอดผ่านตัวถังเข้าไปสัมผัสกับน้ำได้ ทำให้มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง

ข้อดีของถังโพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง

1. เป็นถังเก็บน้ำ ที่มีราคาถูก ที่สุดในกลุ่ม
2. ไม่เกิดสนิมเนื่องจากเป็นวัสดุโพลิเมอร์ (PE)
3. สามารถบรรจุน้ำได้หลายหลายชนิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิม เพราะเป็นวัสดุ โพลีเมอร์
4. มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบ ถังเก็บน้ำบนดิน และถังเก็บน้ำฝังดิน
5. มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ถังเก็บน้ำขนาดเล็กที่ใช้ตามบ้าน จนถึงขนาดใหญ่ที่ใช้งานในส่วนอุตสาหกรรม

ข้อจำกัด

1. มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถังได้เนื่องจากเป็นวัสดุที่แสงสามารถลอดผ่านได้
2. สีจะซีดจางเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
3. อายุการใช้งานไม่นานมากนัก ไม่เหมาะกับการใช้งานในบ้านพักอาศัย
4. ไม่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง เนื่องจากอาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
5. ข้อต่อต่าง ๆ ใช้ความร้อนในการเชื่อม อาจทำให้เกิดรอยแยก หรือ แตกร้าวได้ง่าย
6. ก้นถังเป็นพื้นเรียบทำให้ล้างทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากอาจมีน้ำค้างอยู่ก้นถัง

4. ถังเก็บน้ำ โพลิเมอร์ ชนิดทึบแสง

          วัสดุโพลิเมอร์ ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในการผลิตถังเก็บน้ำเป็นอย่างมากเนื่องจาก คุณสมบัติที่มีความสะอาด ปลอดภัย ทึบแสง ป้องกันรังสี uv ราคาที่ไม่สูงมากนัก (ขนาด 1000 ลิตร ราคาประมาณ 5,500 – 7,500 บาท) สีสันสวยงาม ด้วยการผสมสีด้วยวิธี Compounding (การใช้ความร้อน แรงดันบีบอัด สีให้เป็นเนื้อเดียวกันกับเม็ดพลาสติก)

        ดังนั้นวัสดุชนิดนี้สีจึงไม่หลุดร่อน และไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนแน่นอน อายุการใช้งานยาวนาน การรับประกันสินค้า มีตั้งแต่ 15 – 25 ปี ทั้งนี้แหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจรณาด้วยเช่นกัน โดยหลัก ๆ มีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

4.1 เอลิเซอร์ (Elixir by SCG)

คุณสมบัติพิเศษของ ถังเก็บน้ำ ที่ผลิตจากวัสดุเอลิเซอร์ (Elixer) คือ
1. เป็นวัสดุ Food Contact คือเป็นวัสดุที่ได้การรับรองว่าสามารถนำมาใช้สัมผัสอาหารและน้ำดื่มได้ปลอดภัย
2. สีไม่ซีดจาง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ทำให้สีหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีการหลุดลอกของสี ปนเปื้อนลงในน้ำที่บรรจะภายในถังน้ำ
3. ปราศจากสารตะกั่ว และปรอท เนื่องจากใช้ส่วนผสม และสีที่มีคุณภาพสูง ไม่มีส่วนผสมของโลหะหนัก จึงไม่มีสารที่เป็นอันตรายปนเปื้อนลงในน้ำ
4. เป็นวัสดุที่มีความทึบแสง ทำให้แสงไม่สามารถลอดผ่านตัวถังเก็บน้ำได้ ทำให้น้ำที่บรรจุภายในถัง ไม่เกิดตะใคร่น้ำ ที่เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
5. ไม่มีกลิ่นรบกวน เนื่องจากผ่านการทดสอบเรื่องกลิ่นด้วยมาตรฐานเดียวกับท่อน้ำดื่ม
6. มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยส่วนผสมของสารป้องกันรังสี UV ทำให้สามารถตั้ง ไว้กลางแจ้งได้ และตัววัสดุยังผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)

4.2 อินโนว่า (INNOVA by PTT)

คุณสมบัติพิเศษของ ถังน้ำ ที่ผลิตด้วย Polyethylene Innova by Ptt Global Chemical
1. เป็นโพลิเมอร์ คุณภาพสูง (Hexene Co-Polymer C6) มีความทนทาน หรือ ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม สูงกว่าโพลิเมอร์ชนิดทั่วไป มากกว่า 20 เท่า
2. Foodgrade ใหม่ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก EU Food Contact , U.S. FDA ว่าสามารถใช้เป็นวัสดุ สำหรับการบรรจุ อาหารและน้ำดื่มได้
3. นวัฒกรรมการผลิตแบบ Compounding ด้วยเครื่อง Extrudsion ผ่านความร้อน และความดัน ทำให้สี และพลาสติกโพลิเมอร์รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งจะไม่หลุดลอกออกมาปนเปื้อนกับน้ำที่บรรจุ ภายในถังเก็บน้ำ
4. ใช้สี และ Additive ต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตที่เป็น Foodgrade ทำให้ความปลอดภัย

ข้อดีของถังเก็บน้ำ โพลิเมอร์ ชนิดทึบแสง

1. มีให้เลือกหลายรูปทรง และมีสีสัน สวยงาม ทันสมัย สามารถนำไปเป็นของแต่งบ้านได้อีกแบบหนึ่ง
2. ไม่เกิดตะไคร่น้ำภายในถัง เนื่องจากเป็นวัสดุโพลิเมอร์ชนิดทึบแสง ในบางรุ่น อาจเพิ่มสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในเนื้อวัสดุ ทำให้น้ำมีความสะอาด ปลอดภัย
3. สามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้เนื่องจากวัสดุเป็นสาร Food Grade ที่สามารถสัมผัสน้ำดื่มได้โดยตรง โดยไม่เกิดสารปนเปือน
4. สีสันสวยงาม ไม่ซีดจาง เนื่องจากมีสารป้องกัน UV
5. สามารถตั้งกลางแจ้งได้ (อุณภูมิน้ำภายในจะสูงขึ้นเล็กน้อย)
6. ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิม เพราะเป็นวัสดุ โพลีเมอร์

ข้อจำกัด

1. เนื่องจากเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทำให้มีสินค้าออกมาให้เลือกหลายยี่ห้อ จึงอาจเกิดสินค้าลอกเลียนแบบ หรือ สินค้าที่ใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานมาผลิต อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรสังเกต สัญลักษณ์การรับประกันคุณภาพสินค้าให้ดี
2. ข้อต่อต่าง ๆ เป็นวัสดุคนละชนิดกับตัวถัง อาจทำให้เกิดรอยแยก หรือ แตกร้าวได้ง่าย
3. ก้นถังเป็นพื้นเรียบทำให้ล้างทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากอาจมีน้ำค้างอยู่ก้นถัง

พื้นที่ในการติดตั้งถังเก็บน้ำ

โดยทั่วไป การติดตั้งถังเก็บน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดิน และการติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน

การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดิน

          การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดินมีข้อดีในเรื่องของการติดตั้ง การดูแลรักษา การซ่อมบำรุง และการเคลื่อนย้าย ที่สามารถทำได้อย่างสะดวกและง่ายดาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องของอุณหภูมิของน้ำ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศจนส่งผลต่อการเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง ซึ่งมักจะพบได้บ่อยในถังเก็บน้ำพลาสติกชนิดโปร่งแสง ส่งผลให้การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดินจึงนิยมใช้เป็นถังเก็บน้ำประเภทถังเก็บน้ำสเตนเลส และถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน และไม่เกิดตะไคร่หรือสนิมได้ง่าย

การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน

          ในกรณีที่อาคารหรือบ้านพักอาศัยมีพื้นที่ใช้สอยอย่างจำกัด การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดินก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยในการประหยัดพื้นที่สำหรับติดตั้ง และช่วยให้บริเวณโดยรอบอาคารบ้านพักดูเรียบร้อยสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาตะไคร่น้ำที่อาจเกิดขึ้นภายในตัวถังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำภายในถังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ทั้งนี้การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดินก็มีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง และการทำความสะอาด รวมถึงการซ่อมแซม ที่ทำได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้การเลือกใช้ถังเก็บน้ำใต้ดิน นิยมใช้เป็นถังเก็บน้ำคอนกรีต และถังเก็บน้ำพลาสติกชนิดติดตั้งใต้ดิน เนื่องจากมีความคงทน แข็งแรง และปลอดภัยค่อนข้างมาก ทำให้สามารถรองรับแรงกด และแรงกระแทกได้ดีโดยไม่เกิดการทรุดตัว และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถังเก็บน้ำชนิดอื่น ๆ

คำนวนปริมาณของถังเก็บน้ำ

ขนาดของถังเก็บน้ำก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้งานควรเลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยการเลือกขนาดของถังเก็บน้ำนั้น ควรเลือกพิจารณาจากจำนวนผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน และปริมาณน้ำที่ใช้ในแต่ละวันเป็นหลัก โดยสามารถพิจารณาอ้างอิงจากข้อมูลการใช้น้ำของการประปานครหลวงได้ ดังนี้

  • ผู้ที่พักอาศัยในเขตนครหลวงจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 200 ลิตร ต่อคน ต่อวัน
  • ผู้ที่พักอาศัยในเขตเทศบาลจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 120 ลิตร ต่อคน ต่อวัน
  • ผู้ที่พักอาศัยแถบชานเมืองจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 70 ลิตร ต่อคน ต่อวัน

ซึ่งปริมาณน้ำที่ควรกักเก็บสำรองเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสามารถคำนวนได้จากสูตร : จำนวนผู้พักอาศัย X ปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย (ต่อคน ต่อวัน) X ระยะเวลาที่ต้องการสำรองน้ำไว้ใช้ (โดยปกตินิยมคำนวนที่ประมาณ 2-3 วัน)

วิธีการคำนวณ

นำจำนวนคนภายในบ้าน x 200 (ลิตร) x จำนวนวัน จะได้ปริมาณน้ำที่จะใช้ ภายในในบ้าน ตัวอย่าง เช่น ในบ้านที่มีสมาชิก 4 คน ให้เราคิดคำนวณ 4 x 200 = 800 ลิตรต่อวัน และควรเผื่อฉุกเฉิน 2-3 วัน ดังนั้นถังน้ำสำหรับครอบครัว 4 คน จึงควรมีขนาด 1,500 – 2,500 ลิตร

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำของแต่ละคนไม่เท่ากันตามกิจกรรมที่แตกต่างกัน โดยอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 200 ลิตรต่อวันได้ การเลือกขนาดความจุของถังเก็บน้ำตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว สามารถเริ่มต้นสำรองให้เพียงพอใช้ได้ใน 1 วัน ดังนี้

1. จำนวนผู้ใช้น้ำ 4 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 800 ลิตร
2. จำนวนผู้ใช้น้ำ 5 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,000 ลิตร
3. จำนวนผู้ใช้น้ำ 6 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,200 ลิตร
4. จำนวนผู้ใช้น้ำ 7-8 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,600 ลิตร
5. จำนวนผู้ใช้น้ำ 9-10 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 2,000 ลิตร

มีช่องทางการสั่งซื้อง่ายๆมาแนะนำคะ

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline
📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline
🛒3. LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒4. NOCNOC :
🛒5. Shopee : https://shopee.co.th/wehomeonline
📞7. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

เสริมความปลอดภัยด้วยการล้อมรั้วลวดหนาม

การล้อมรั้วลวดหนาม เป็นรั้วอีกประเภทที่หลายท่านให้ความสนใจ และคุ้นเคยกัน โดยได้นำรั้วลวดหนามมากั้น และกำหนดขอบเขตของบ้าน ที่ดินว่าง สวนต้นไม้ หรือ สิ่งปลูกสร้างปุเภทต่างๆ เพื่อให้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสันส่วนได้อย่างชัดเจน และป้องกันการบุกรุกจากบุคคลอื่น โดยแอดจะมาพูดถึง ลักษณะ ขนาด และ ประโยชน์ของลวดหนาม เพื่อไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจในการเลือกซื้ออุปกรณ์วัสดุต่าง ๆ

รายการ

ลักษณะของหนาม

ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันหนามอยู่ 2 แบบ ได้แก่

การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)

เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต

การพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ (Reversed Twist)

เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ ที่มีการพันเกลียวนามแบบไขว้สลับ ตัวหนามจะแน่นเป็นพิเศษ แข็งแรงไม่มีหลุด ที่สำคัญเส้นลวดจะมีการพันสลับที่แน่นกว่าแบบเดิม หรือแบบพันเกลียวปกติ ทำให้เพิ่มความแข็งแรงของลวดหนามที่พันเกลียวด้วยลักษณะนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มมีลวดหนามซิงค์อลูฯ ไวน์แมนก็มีการพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ ทำให้ขึงตึง ไม่หย่อน

ขนาดเบอร์ของลวดหนาม

ลวดหนามเบอร์ที่นิยมใช้ แต่ละเบอร์มีขนาดต่างกัน เบอร์ลวดหนามที่ใช้กันแพร่หลายมาจากมาตรฐาน SWG (Standard Wire Gauge) เป็นมาตรฐานของ British Standard Wire Gauge (BS3737 : 1964) ที่ใช้ในแบบสากล รวมถึงประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานนี้ ในปัจจุบันนิยมใช้ลวดหนามเบอร์ 13 เบอร์ 14 และ เบอร์ 15

ตารางเทียบเบอร์ลวดหนามเป็นมิลลิเมตร ตามมาตรฐาน SWG

ประโยชน์ของการใช้ลวดหนาม

การนำวัสดุที่ทำจากลวดหนาม หรือเหล็ก มาใช้ในการล้อมรั้ว มีประโยชน์ ดังนี้

  1. ป้องกันการบุกรุกการล้อมรั้วด้วยลวดหนาม จะช่วยทำให้คุณสามารถป้องกันการบุกรุกพื้นที่บ้าน และส่วนต่าง ๆ ภายในที่ดินจากบุคคลภายนอก เพื่อป้องกันอันตรายและป้องกันการโจรกรรมภายในบ้าน นี่จึงเป็นข้อดีอย่างยิ่งที่หลายคนเลือกการล้อมรั้วลวดหนาม
  2. สร้างความสวยงามภายในบ้าน บางครั้งอาจมีการล้อมรั้วลวดหนาม เพื่อตกแต่งบ้าน หรือพื้นที่ภายนอกที่เหลือต่อการใช้ประโยชน์ต่าง ๆ โดยการล้อมรั้ว และปลูกต้นไม้ เพื่อประดับตกแต่งบ้านให้มีความสวยงามจากธรรมชาติ
  3. กำหนดขอบเขตบริเวณแบบชัดเจน เหตุผลหลักของการล้อมรั้วลวดหนามนั้น เพื่อกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน สำหรับขอบเขตบริเวณบ้าน และที่ดิน เพื่อป้องกันการรุกล้ำในพื้นที่ส่วนตัวจากเพื่อนบ้าน หรือการทำประโยชน์จากผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
  4. ราคาถูก แข็งแรงทนทานอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนเลือกใช้รั้วลวดหนามเป็นตัวช่วยในการล้อมรั้ว เพราะวัสดุชนิดนี้มีราคาถูกมาก สามารถซื้อได้ในจำนวนที่มาก แถมยังมีประสิทธิภาพในความแข็งแรง ทนทาน ต่อสภาพอากาศ และใช้งานได้เป็นอย่างดี

การเคลือบสารกันสนิม หรือ การชุบซิงค์ของลวดหนามในปัจจุบันหลัก ๆ มีการเคลือบอยู่ ดังนี้

การชุบซิงค์แบบไฟฟ้า (Electro Galvanized)

กระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในสารละลายเกลือของโลหะ (Metallic Salts) แล้วทำให้อิออนบวกวิ่งมารับประจุไฟฟ้าลบที่ชิ้นงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้วลบ (Cathode) จึงทำให้เกิดเป็นชั้นผิวบางของโลหะมาเคลือบอยู่บนผิวด้านนอกของชิ้นงานการชุบซิงค์ จัดอยู่ในประเภทการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า เป็นกระบวนการที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากสามารถนำโลหะ และอโลหะหลายชนิดมาทำการเคลือบผิว ในขณะเดียวกันก็สามารถเลือกโลหะที่จะนำมาเคลือบผิวได้หลากหลายชนิดด้วย ซึ่งการเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก ทำให้อายุการใช้งานของการชุบแบบนี้ อยู่ได้ไม่นานมากนัก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน

การชุบซิงค์อลูมิเนียม (ZnAl)

เป็นการป้องกันสนิมที่มีส่วนผสมของซิงค์และอลูมิเนียม (ZnAl) ทั้งนี้จะมีการระบุสัดส่วนและปริมาณอลูมิเนียมที่ผสม ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากที่สุดคือ ซิงค์อลู 10% (ZnAl 10%) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน และเพิ่มอายุการใช้งานของเส้นลวด ทำให้ลวดหนามซิงค์อลูมีอายุการใช้งานยาวนานมากถึง 80 ปี*

การชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized)

โดยปัจจุบันกระบวนการเคลือบสารกันสนิมหรือการชุบซิงค์ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า การชุบซิงค์มีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized) ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัมเพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษ

ในต่างประเทศได้เริ่มใช้ลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนมานานหลายปีแล้ว การเคลือบสารป้องกันสนิมหรือชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษนั้น จะมีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนเฉลี่ย 235-250 กรัม/ตารางเมตร ในส่วนประเทศไทยนั้นเริ่มมีลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแล้วเช่นกัน อย่างแบรนด์ลวดหนามเทวดาที่มีจำหน่ายอยู่ ลวดหนามที่มีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 30 – 50 ปี

วิธีติดตั้งลวดหนาม

           สำหรับวิธีการสร้างรั้วลวดหนามนั้น เป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพราะมีขั้นตอนในการล้อมรั้วที่ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้ทักษะในด้านงานช่างสักเท่าไหร่นัก แต่หากคุณต้องการให้งานออกมาดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ควรจ้างช่างผู้รับเหมา เพื่อเข้ามาช่วยในการทำรั้วเหล่านี้

          วิธีการเลือกความสูงของเสา โดยจะมีขนาด 1 เมตร ไปจนถึง 3 เมตร ตามภาพเลยค่ะ โดยเสารั่ว รูจะห่าง 2 ซม

สำหรับอุปกรณ์ในการติดตั้ง ได้แก่

1. เสารั้ว ความสูงที่ต้องการ
2. คีมผูกลวด
3. ลวดผูกสำหรับยึดเสาค้ำ
4. สายวัด
5. ค้อน ไว้สำหรับตอกตัวกิ๊บล็อคลวดหนาม
6. กิ๊บล็อคลวดหนมาม
7. สายรัด ไว้ใช้สำหรับดึงลวดหนามให้ตรึง
8. ลวดหนามขนาดที่ลูกค้าต้องการ
9. ชะแลง ถ้าเกิดไม่มีชะแลงสามารถใช้จอบ และเสียมได้
10. เครื่องเจาะดิน (เป็นอุปรณ์ที่ทำให้สะดวกและเร็วกว่าการขุดเอง)

วิธีการติดตั้ง ลวดหนาม

1. ให้เราว่างเสาโดยกะระยะของแต่ละหลุมก่อนว่าเราจะวางห่างกันกี่เมตร
*แนะนำให้ว่างห่างกันตามความสูงของเสา เช่น เสาสูง 2 เมตร เราควรเจาหลุมอยู่ที่ 2 เมตร – 3 เมตร
* ถ้ากิดหางมากกว่านั้น ลวดหนามอาจจะหยุ่นได้แล้วเสาอาจจะล้มได้ค่

2. ให้เราขุดหลุม โดยใช้เครื่องเจาะดิน เพื่อความสำสะดวกและรวดเร็วเราควรเจาะลึกประมาณ 30-50 ซม. นะคะ และสำหรับพื้นไหนที่แห้งมากเราอาจจะใช้วิธีการเท่น้ำลงไปก่อน เพื่อให้ดินอ่อนตัวก่อนแล้วทำการเจาะอีกครั้งนะคะ หลังจากเราเจาะหลุมครบทุกต้นตามจำนวนที่เราต้องการแล้ว

3. ให้เราหย่อนเสาลงในหลุมให้ครบทุกหลุม ที่เราเจาะไว้ ถ้าเกิดหน้างานไหนดินแข็งอยู่แล้วไม่ใช้ที่ดินอุ้มน้ำตลอดเราใช้แค่ดินถมได้เลยค่ะไม่จำเป็นต้องเท่ปูนลงไปในหลุด
*หากพื้นที่ที่เป็นที่อุ้มน้ำแนะนำให้เท่ปูนลงหลุมเสาค้ำ และตรงหัวมุมค่ะเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับเสามากขึ้นค่ะ เพราะตรงนี้จะรับน้ำหนักเยอะมากค่ะ

4. ส่วนของเสาค้ำเราจะใช้ 10 % จากจำนวนของเสารั้วทั้งหมด เช่น เราใช้เสา 100 ต้น ก็จะค้ำอยู่ 10 ต้นนะคะ โดยจะค้ำ ทุกๆ 10-15 ต้นค่ะ และจะเริ่มค้ำตั้งแต่ต้นแรกเลยค่ะ เสาค้ำจะช่วยเสริมให้ด้านความแข็งแรงของเสาที่รับน้ำหนักนะคะ โดยเราจะต้องค้ำทุกๆ 10-15 ต้น
** เสาคำเราจะใช้เสาแบบเดียวกันกับเสารั้วก็ได้ค่ะ โดยเสค้ำเราจะใช้ลวดสอดเข้าไปตรงรูสุดท้ายของเสาและก็ ม้วนลงมากว่าตรงเสาที่เราต้องการจะค้ำเลยค่ะ

5. ลำดับต่อไปเป็นวิธีการ ขึงลวดหนามโดยที่เราจะขึงลวดหนามให้ตรงตำแหน่งที่เราจะขึงลวดหนามก่อน หลังจากนั้นเราจะนำสายลัดพันกับลวดหนามเพื่อที่จะดึงลวดหนามให้ตรึง

6. จากนั้นให้เรานำกิ๊บล็อกสอดเข้าไปในรูเพื่อยึดลวดหนามเข้ากับเสารั่ว และจะใช้ค้อนช่วยตอกเข้าไปให้ทะลุอีกฝั่งและเราใช้คีมหรือค้อนเมือนเดิมในการพับกิ๊บอีกฝั่ง

- 13%
Original price was: ฿795.00.Current price is: ฿690.00.
- 13%
- 14%
- 15%
- 9%

          วิธีนี้เป็นวิธียอดนิยมอาจจะใช้การติดตั้งนานหน่อยแต่จะทำให้ลวดหนามยึดติดกับรั้วเรานานมากๆเลยค่ะ และเราก็ทำแบบเดิมไปเลื่อยๆจนเสร็จสิ้นการป้องการพื้นที่ของเราให้มีความปลอดภัยค่ะ

          เป็นยังไงกันบ้างค่ะ สำหรับ บทความ เสริมความปลอดภัยด้วยการล้อมรั้วลวดหนาม ค่ะ แอดหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆ ท่านกันนะคะ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก

https://vinemanfence.com/what-is-barbed-wire-fence/

https://www.kacha.co.th/articles/รั้วลวดหนาม-คืออะไร-ข้อ/

เทปกันเสียง Noise Zeal ที่เเก้ปัญหาได้มากกว่า เเค่กันเสียง

“Noise Zeal” คือ เทปสำหรับใช้ติดบริเวณประตู-หน้าต่าง เพื่อแก้ไขปัญหาเสียงดังจากภายนอกที่ลอดทะลุผ่านเข้ามาสร้างความรบกวนภายในบ้าน คอนโด หรือว่าห้องทำงานในออฟฟิศ เมื่อ Noise Zeal ได้รับการพัฒนานำมาใช้กับประตู-หน้าต่างในบ้าน จึงสามารถป้องกันเสียงดังจนทำให้เสียงดังที่เคยได้ยินนั้นลดลงแบบรู้สึกได้ทันที แต่ทั้งนี้ คุณประโยชน์ของ Noise Zeal นั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาเสียงดังเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง

1. Noise Zeal ช่วยป้องกันฝุ่นละอองได้

ประตู-หน้าต่าง คือทางผ่านของฝุ่นละอองจากภายนอกที่อยู่อาศัย ที่ทำให้บ้านสกปรก มีฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสมาชิกทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะกับในสถานการณ์ปัจจุบันที่ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงขึ้นมาก ทำให้หลายๆ บ้านอาจแปลกใจว่า ทำไมตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด ไม่สดชื่น รู้สึกว่าแสบคอ ระคายคอ นั่นก็เป็นเพราะฝุ่นจากภายนอกบ้านเล็ดรอดผ่านเข้ามาทางช่องประตู-หน้าต่างนั่นเอง ดังนั้น การติด Noise Zeal ในบริเวณประตู-หน้าต่าง นอกจากจะช่วยกันเสียงดังได้แล้ว ยังทำให้ลดช่องว่างที่เป็นทางผ่านของฝุ่นละอองลงไปด้วย จนทำให้รู้สึกได้ทันทีว่า บ้านสะอาดขึ้น ฝุ่นน้อยลง หายใจได้เต็มปอดมากขึ้นกว่าเดิม

2. Noise Zeal ช่วยลดแรงกระแทกเวลาปิดประตู-หน้าต่างได้ดี

1. Noise Zeal ช่วยป้องกันฝุ่นละอองได้

ด้วยคุณสมบัติของการเป็นยางคุณภาพสูง จึงทำให้สามารถช่วยลดแรงกระแทกเวลาปิดประตู-หน้าต่าง หรือเวลาที่มีลมแรงพัดประตู-หน้าต่างปิดเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้อดีข้อนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาเสียงดังรบกวนที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ในบ้านจากพฤติกรรมการใช้งานของเราด้วยแล้ว ยังถือเป็นการช่วยถนอมอายุการใช้งานของประตู-หน้าต่าง ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย เพราะแรงกระแทกจากการปิด หรือลมพัดที่รุนแรงนั้น อาจส่งผลทำให้ประตูหน้าต่างชำรุดพังได้เร็วกว่าอายุการใช้งานปกติ

3. Noise Zeal ช่วยป้องกันแมลงได้

มด ยุง แมลงวัน แมลงตัวเล็กๆ ฯลฯ บ่อยครั้งก็มักจะหลุดลอดผ่านเข้ามาทางช่องประตู-หน้าต่าง แล้วสร้างความรำคาญใจให้กับเราได้ ซึ่งการติด Noise Zeal หรือ เทปกันเสียงนั้น จะช่วยทำให้ช่องว่างบริเวณประตู-หน้าต่างหมดไปหรือเล็กลงจนแมลงต่างๆ ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านเข้ามาได้ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่เป็นมิตรกับสุขภาพเรามากกว่าการฉีดยาฆ่าแมลง ฉีดยากันยุง และเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ใช้งบประมาณประหยัดกว่าการติดเครื่องไล่แมลงที่บ่อยครั้งก็ไม่ได้ผลดีอย่างที่เราคาดหวัง

3.Noise Zeal ติดตั้งง่าย ใช้ได้กับประตู-หน้าต่างทุกรูปแบบ

นการติดตั้ง Noise Zeal เทปกันเสียงนั้น มีความสะดวกและง่ายเป็นกันกับการติดสก็อตเทป โดยมีขั้นตอนเพียงแค่ 3 ขั้น คือ เช็ดทำความสะอาดบริเวณขอบประตู-หน้าต่างที่ต้องการติด จากนั้นลอกกระดาษสีขาวออกแล้วติดตัวเทป Noise Zeal สีดำไปตามวงกบ หรือ ร่องของประตู-หน้าต่างนั้นๆ โดยกดให้แน่นสนิท และสุดท้ายคือหากเทปยาวเกินขอบประตู-หน้าต่าง ก็ใช้กรรไกรตัดให้พอดี ก็ถือเป็นอันเรียบร้อย ทั้งนี้ เทปกันเสียง Noise Zeal จะมีด้วยกัน 2 ขนาด คือขนาดสำหรับประตู-หน้าต่างประเภทบานสวิง บานพับ หรือบานกระทุ้ง และขนาดสำหรับประตู-หน้าต่างบานสไลด์

ปัญหาเสียงดังรบกวนถือเป็นปัญหาที่ทำให้คุณภาพความสุขในการใช้ชีวิตของเรานั้นลดน้อยลง ซึ่ง Noise Zeal นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาย่อมเยาเพียงหลักร้อย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่มักพบได้บ่อยในบ้านไปได้ด้วยพร้อมกัน

คลิ๊กเพื่อสั่งซื้อ

เคล็ดลับป้องกันน้ำซึมเข้าบ้านในช่วงฤดูฝน

          ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูฝนแล้วหลังจากที่เราต้องทนร้อนมานานหลายเดือนแล้ว ต่อไปเราจะสัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำของสายฝนกันไปราว 5-6 เดือน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมคือบ้านของเราเอง ต้องหมั่นตรวจสอบว่ามีมีจุดใดของบ้านมีรอยรั่วซึมหรือรอยแตกร้าวหรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาเช่นนี้ จะต้องดำเนินการซ่อมแซมเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้ามาในบ้าน ถ้าหากเราไม่รีบแก้ไขปัญหานี้ น้ำฝนอาจจะรั่วซึมเข้ามาและทำให้เกิดความเสียหายแก่เฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ภายในบ้านได้

ปัญหาที่พบเจอกันบ่อย

ดังนั้นจุดที่ควรตรวจสอบและแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองได้แก่ :

ดาดฟ้า

     มักจะเกิดการรั่วซึม บริเวณรอยต่อดาดฟ้าชนผนัง และบริเวณพื้นดาดฟ้าที่มีรอยแตกร้าว

Tips : หากดาดฟ้ามีน้ำขังบ่อย ควรเลือกใช้กันซึมชนิดซีเมนต์ เช่น จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ ไม่ควรใช้กันซึมชนิดอะคริลิก เช่น จระเข้ รูฟ ชิลด์ เพราะจะเสื่อมสภาพได้ง่ายกว่าเมื่อต้องแช่น้ำเป็นเวลานานๆ

พื้นหลังคาคอนกรีตแตกร้าว

เช่น พื้นดาดฟ้าแตกร้าว พื้นเป็นแอ่ง น้ำขัง ทำให้เกิดน้ำรั่ว

Tips : แก้ไขโดยการปรับความลาดเอียงของพื้นให้น้ำไหลออกได้สะดวก และซ่อมรอยร้าว ทำกันซึมพื้นให้เรียบร้อย

silicone sealant

หลังคา

     หลังคาบ้านอาจเกิดรอยร้าวหรือรอยรั่วได้จากหลายสาเหตุ เช่น กระเบื้องร้าวหรือชำรุดเพราะใช้งานมานาน กระเบื้องยึดไม่แน่น กระเบื้องหลุด ช่างมุงกระเบื้องซ้อนกันไม่สนิทหรือระยะซ้อนทับน้อยเกินไป โครงสร้างหลังคาซับซ้อนมีรอยต่อมาก ฯลฯ

Tips : กระเบื้องที่แตกร้าวควรเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องใหม่ ต้องมุงอย่างถูกต้องและใช้สกูรยึดให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึม ส่วนรอยต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องที่รั่วซึมนั้นให้ใช้ซีเมนต์สำหรับงานซ่อมอุดตามรอยรั่วซึม จากนั้นทาทับด้วยวัสดุกันซึมอีกชั้น หรือจะใช้แผ่นปิดรอยต่อช่วยบางตำแหน่งก็ได้ นอกจากนี้ รางน้ำฝนบนหลังคาบ้าน ก็ต้องทำความสะอาดเก็บกวาดเศษฝุ่น เศษดิน เศษใบไม้ใบหญ้า เศษขยะทิ้งให้เกลี้ยง เมื่อเวลาที่ฝนตกลงมาจะได้สามารถระบายน้ำลงจากหลังคาได้ทันด้วย มิเช่นนั้น อาจทำให้น้ำรั่วซึมลงได้

ผนัง

     ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่ รอยต่อระหว่างผนังกับขอบวงกบ รอยแตกขอบมุมวงกบ และรอยแตกร้าวบนผนัง

Tips : หากสีของผนังเริ่มลอกล่อน ต้องขูดลอกสีเก่าออกก่อนลงมือซ่อมแซมรอยแตกร้าวและทากันซึม

ขอบวงกบประตู-หน้าต่าง

     รอยร้าวนี้มักพบเพราะเกิดจากการยืดขยายตัวของอุณหภูมิ ทำให้เกิดรอยร้าวที่มุม และทำให้น้ำฝนรั่วซึมเข้ามา

Tips : แก้ไขโดยการตรวจสอบว่ามีเสาเอ็น ทับหลัง เหล็กกรงไก่หรือไม่ ถ้าหากมีครบให้เรียกช่างมาซ่อมรอยร้าวทันที

ประเภทของผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำรั่วซึม

มีผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำรั่วซึมหลากหลายแบบ แต่วันที่แอดขอยกตัวอย่างมา 3 แบบ ได้แก่ :

เทปสำหรับกันรั่ว ซึม

     ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เทปกันซึมแบบยืดหยุ่น กันน้ำ 100% ตาข่ายไฟเบอร์เสริมแรง สำหรับงานกันซึมในพื้นที่สัญจร เทปตาข่ายไฟเบอร์ชนิดมีกาวในตัวสำหรับปัญหาผนังแตกร้าว และเทปกาวอเนกประสงค์ แก้ปัญหารั่วซึมในหลากหลายพื้นที่

ซีเมนนต์กันรั่ว ซึม

     ซีเมนต์ผสมสำเร็จกันรั่วซึม เหมาะกับสระว่ายน้ำแบบขุด และพื้นที่ใต้ดิน และซีเมนต์กันรั่วซึมชนิดยืดหยุ่น แบบสองส่วนผสมสำหรับพื้นที่เปียกบนอาคาร และสระว่ายน้ำที่สร้างบนอาคาร

วัสดุทากันซึมดาดฟ้า โพลียูรีเทนและอะครีลิค

     วัสดุทากันซึมดาดฟ้า โพลียูรีเทนและอะครีลิคพร้อมใช้งานชนิดยืดหยุ่นสูง สารพัดประโยชน์ สำหรับดาดฟ้า หลังคา รอยต่อ และผนัง

สาเหตุของปัญหาน้ำซึมจากผนังข้างบ้าน

น้ำซึมผนังบ้านเพราะรอยแตกร้าว

สาเหตุหลัก เกิดจากรอยแตกร้าวที่ผนังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกร้าวแบบร่องลึก หรือรอยแยกขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ปัญหาเสาบ้านทรุด การใช้ปูนฉาบที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการผสมปูนที่ไม่ได้สัดส่วน

          เมื่อเกิดรอยแตกร้าวควรสังเกตลักษณะการแตกร้าวให้ดี เพราะหากเป็นรอยแตกร้าวเป็นเส้นตรงตั้งแต่มุมใดมุมหนึ่งยาวมาจนถึงกึ่งกลางผนัง หรือรอยแตกร้าวที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงตั้งฉากบริเวณกึ่งกลางผนัง อาจต้องรีบติดต่อวิศวกรโครงสร้าง เพราะการแตกร้าวแบบนี้อาจเกิดจากโครงสร้างอาคารทรุดตัวซึ่งทำให้เกิดอันตรายได้

น้ำซึมเข้ากำแพงเพราะการแตกลายงา

     นอกจากรอยแตกร้าวขนาดใหญ่เป็นร่องลึกแล้ว รอยแตกลายงาก็เป็นอีกสาเหตุของน้ำซึมจากผนังข้างบ้านได้เช่นกัน เพราะรอยแตกลายงาเหล่านี้จะค่อย ๆ สะสมน้ำเอาไว้ เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งน้ำก็จะค่อย ๆ ซึมออกมาตามรอยแตกเหล่านี้ ดังนั้นเพื่อป้องกันน้ำซึมผนังบ้านก็ควรซ่อมแซมก่อนปัญหาจะบานปลาย

น้ำซึมผนังบ้านเพราะรอยแตกร้าว

     แน่นอนว่าเมื่อเป็นปัญหาเกี่ยวกับการรั่วซึมแล้ว ระบบประปาก็ต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุน้ำซึมจากผนังข้างบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาจากระบบประปาจะสังเกตเห็นได้ชัดในเวลาที่ฝนไม่ตกแต่ก็ยังคงเกิดปัญหารั่วซึมอยู่ เกิดขึ้นได้ทั้งจากน้ำจากท่อประปาหรือน้ำจากท่อระบายน้ำ โดยส่วนมากมักเกิดในห้องที่ต้องใช้น้ำอยู่เป็นประจำ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว

          ดังนั้นวิธีสังเกตปัญหาน้ำซึมผนังบ้านที่ง่ายที่สุด คือ ปิดวาล์วน้ำทุกจุดในบ้านแล้วสังเกตดูว่ามิเตอร์น้ำยังคงหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีน้ำรั่วภายในบ้าน ควรค้นหาจุดรั่วซึมตามแปลนระบบท่อน้ำภายในบ้าน เมื่อพบตำแหน่งที่มีปัญหารั่วซึมเรียบร้อยแล้ว ควรรีบจัดการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด

ระบบกันซึมไม่ได้มาตรฐาน

     หนึ่งในสาเหตุสำคัญของน้ำซึมจากผนังข้างบ้านอาจเกิดขึ้นจากต้นเหตุอย่างการทำกันซึมด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีระยะเวลาการใช้งานสั้นลง ทำให้น้ำซึมเข้ากำแพงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

น้ำซึมจากใต้ดิน

     สำหรับที่อยู่อาศัยที่ประเภทอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวอายุมากกว่า 30 ปี น้ำซึมจากใต้ดินก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของน้ำซึมผนังบ้าน ได้เช่นกัน เพราะอาคารเหล่านี้มักอยู่ต่ำกว่าระดับถนน และมีรูปแบบโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดิน และชิ้นส่วนก็ยังแยกกับเสาและคาน จึงทำให้น้ำซึมผ่านรอยต่อระหว่างคาน ผนัง และแผ่นพื้นได้นั่นเอง

สินค้าแนะนำ

- 8%
Original price was: ฿3,168.00.Current price is: ฿2,915.00.
- 17%
Original price was: ฿2,767.00.Current price is: ฿2,290.00.
- 9%
Original price was: ฿2,518.00.Current price is: ฿2,290.00.
- 5%
Original price was: ฿2,316.00.Current price is: ฿2,198.00.
- 20%
Original price was: ฿2,224.00.Current price is: ฿1,779.00.
- 18%
Original price was: ฿2,052.00.Current price is: ฿1,690.00.
- 29%
- 22%
- 23%
- 7%
- 13%
Original price was: ฿495.00.Current price is: ฿429.00.
- 22%

มีช่องทางการสั่งซื้อง่ายๆมาแนะนำคะ

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline
📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline
🛒3. LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒4. NOCNOC :
🛒5. Shopee : https://shopee.co.th/wehomeonline
📞7. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

เลือกก๊อกน้ำอย่างไรให้เหมาะกับอ่างล้างหน้า

นอกจากเลือกดีไซน์ที่สวยหรูแล้ว ในการเลือกก๊อกน้ำ ต้องคำนึงถึงอ่างล้างหน้าด้วยทุกครั้ง เพื่อให้การใช้งานที่สะดวก และป้องกันความผิดพลาดและการจัดองค์ประกอบของก๊อกน้ำและอ่างล้างหน้า ทำให้น้ำจากก๊อกกระจายออกนอกอ่าง แล้วต้องมาเสียเวลาเช็ดถูทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน WeHome จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับก๊อกน้ำมาฝาก เพื่อให้คุณได้ทำความเข้าใจก่อนเลือกซื้อมาใช้งาน

ตำแหน่งการติดตั้งก๊อกน้ำ

สามารถติดตั้งได้ 2 จุด คือ ติดตั้งที่ผนัง และติดตั้งบนเคาน์เตอร์หรืออ่างล้างหน้า

  1. การติดตั้งที่ผนัง ก๊อกน้ำแบบฝังผนังเหมาะกับอ่างล้างหน้าทุกประเภท ข้อดีคือ ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่าย แต่หากก๊อกน้ำหรือระบบท่อน้ำเสีย อาจยุ่งยากในการรื้อกระเบื้องหรือทุบผนัง
  2. การติดตั้งบนเคาน์เตอร์หรืออ่างล้างหน้า เป็นก๊อกน้ำแบบที่เราเห็นกันทั่วไป สามารถติดตั้งได้ง่าย และสะดวกในการบำรุงรักษา ส่วนมากจะเห็นก๊อกน้ำแบบนี้ใช้คู่กับอ่างล้างหน้าแบบแขวน อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ และอ่างล้างหน้าแบบฝั่งบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ

ขนาดของก๊อกน้ำ

เมื่อเรารู้ประเภทของก๊อกน้ำที่เราต้องการ และรู้ตำแหน่งที่จะติดตั้งก๊อกน้ำแล้ว ต่อไปเป็นการเลือกขนาดก๊อกน้ำที่เหมาะสมกับขนาดของอ่างล้างหน้า ควรตรวจวัดความสูง-ต่ำ ความยาวของตัวก๊อก และองศาการไหลของน้ำ เพื่อให้ก๊อกอยู่ในระดับที่ใช้งานได้สะดวก ไม่สูงจากอ่างล้างหน้าจนเกินไป ทำให้น้ำกระเด็นออกนอกอ่าง หรือไม่เตี้ยติดอ่างล้างหน้าจนเกินไป ทำให้อดมือเข้าไปล้างไม่สะดวก ซึ่งวิธีการเลือกขนาดของก๊อกน้ำ มีดังนี้

1. ความสูงของก๊อกน้ำ เป็นความสูงที่วัดจากฐานก๊อกน้ำถึงปากก๊อกน้ำ หากเลือกระดับที่เหมาะสม จะทำให้สอดมือเพื่อรองน้ำได้สะดวก ซึ่งความสูงของก๊อกน้ำควรสอดรับกับความลึกของอ่างล้างหน้า เช่น หากอ่างล้างหน้าก้นตื้น ไม่ควรใช้ก๊อกน้ำเตี้ย และที่สำคัญตัวก๊อกต้องไม่ติดชิดขอบอ่างมากเกินไป การใช้งานจะสะดวกมากขึ้น
2. ความยาวของก๊อกน้ำ เป็นความยาวของปากก๊อกน้ำ โดยวัดจากก้านเปิด-ปิดน้ำถึงปากก๊อกน้ำ ยิ่งความยาวปากก๊อกมาก ก็จะยิ่งทำให้สอดมือรองน้ำได้สะดวกขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกขนาดที่ความยาวพอดี และเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าที่คุณมี หากอ่างล้างหน้าที่มีเป็นอ่างขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางไม่มาก ก็ไม่ควรเลือกก๊อกน้ำที่ยาวจนเกินไป
3. องศาการไหลของน้ำ ช่วยให้สะดวกในการใช้งาน ซึ่งก๊อกแต่ละดีไซน์หรือก๊อกแต่ละยี่ห้อก็มีองศาการไหลของน้ำที่แตกต่างกันออกไป ถ้าองศาการไหลของน้ำเอียงออกจากตัวก๊อก จะใช้งานได้สะดวกกว่าองศาน้ำที่ไหลดิ่งลงตรง ๆ วิธีการเลือกองศาการไหลของน้ำ สามารถดูได้จากรูปทรงตรงปลายก๊อกน้ำ และสังเกตดูที่บริเวณรูน้ำไหลที่ปลายก๊อกได้

คุณสมบัติที่มีคุณภาพสำหรับก๊อกน้ำ
1. ควรทำมาจากทองเหลือง เพราะสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี
2. เป็นก๊อกน้ำที่เคลือบโครเมี่ยม ลักษณะจะเป็นมันวาว เพราะสามารถทนทานต่อสารเคมี และรอยขีดข่วนได้ดี
3. ควรมีซีลยาง และแหวานยางในตัวก๊อกน้ำ เพราะจะทนต่อการใช้งาน น้ำไม่รั่วซึม
4. ควรเป็นก๊อกน้ำที่มีระบบการเปิด-ปิดเพียงรอบเดียว เพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำได้

สั่งซื้อกดเลย!!!