รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ยืดหยุ่นตัวได้ดี ไม่เกิดปัญหาในการทาสีทับหน้า แห้งเร็วขัดแต่งพื้นผิวได้ง่าย เป็นวัสดุที่ใช้สาหรับยาแนวรอยต่อแบบส่วนประกอบเดียว ผลิตจากอะคริลิกโพลิเมอร์ชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นตัวสูง สามารถยึดเกาะได้ดีกับวัสดุหลายชนิด รวมทั้งวัสดุที่มีรูพรุนโดยไม่ต้องใช้วัสดุรองพื้น ทนทานต่อสภาวะอากาศ รังสียูวี (UV) เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน สามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน และสามารถทาสีทับได้
คุณสมบัติ
- ไม่เกิดปัญหากับสีทับหน้า
- สามารถกปิดรอยแตกร้าวได้ แม้เกิดการเคลื่อนตัวของรอยแตก
- สามารถขัดตกแต่งได้
- ทาสีทับได้
- เหมาะสำหรับรอยแตกร้าวขนาดใหญ่กว่า 2-10 มม.
การใช้งาน
สำหรับงานอุดโป๊วรอยแตกร้าวบนผนังคอนกรีต ปูนฉาบ อิฐ ไม้ วงกบ หน้าต่าง
การเตรียมพื้นผิว
พื้นผิวที่จะอุดโป๊วด้วยทีโอเอ 302 อะคริลิก ซีลแลนท์ จะต้องแห้งสะอาด ปราศจากฝุ่นผง เศษซีเมนต์ สี และคราบไขต่างๆ
วิธีการใช้งาน
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของวัสดุอุดโป๊ว ควรขยายขนาดรอยแตกร้าวโดยใช้ไขควงหรือสันเกรียงกรีดรอยแตกให้เป็นรูปตัว V เพื่อให้วัสดุอุดโป๊วสามารถเข้าไปได้เต็มแนวร่อง
- อุดโป๊วรอยแตก โดยใช้ ทีโอเอ 302 อะคริลิก ซีลแลนท์ ด้วยเกรียงโป๊ว
- ในขณะวัสดุโป๊วยังไม่แห้ง ให้ใช้นิ้วหรือเกรียงโป๊วจุ่มน้ำหรือน้ำสบู่ ปาดหรือลูบเพื่อการแต่งผิวหน้าให้เรียบสวยงามแล้วทิ้งให้แห้งประมาณ 8 ชั่วโมง (แนะนำให้อุดโป๊วซ้ำ)
ปริมาณการใช้งาน
1 กิโลกรัม อุดโป๊วได้ความยาวประมาณ 7 เมตร (ที่ความกว้าง 1 ซม. ลึก 1 ซม.)
คำแนะนำเพิ่มเติม
- การแห้งตัวของทีโอเอ 302 อะคริลิก ซีลแลนท์ ขึ้นอยู่กับขนาดของร่องรอยต่อที่ทำการอุดโป๊ว
- หากสภาพพื้นผิวที่จะทำการซ่อมรอยแตกร้าวมีสภาพเป็นฝุ่น หรือร่วนพรุนเสียการยึดเกาะ แนะนำให้ทาน้ำยารองพื้นปูนเก่าก่อนทำการอุดโป๊ว
- ถ้ารอยแตกใหญ่ ร่องลึกมาก ให้อุดร่องด้วยยูรีเทนโฟมหรือโพลีเอทธีลีนโฟม(Backing rod) ก่อนการอุดโป๊วเพื่อป้องกันการยุบตัว
การเก็บรักษา
เก็บไว้ได้นาน 1 ปี ในภาชนะเดิมที่ปิดสนิท และไม่ควรวางไว้กลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์