Category Archives: บ้านและพื้นที่ข้างนอก

HOW TO! การเลือกถังเก็บนํ้า แทงค์นํ้า ให้เหมาะกับการใช้งาน

หลายๆท่านอาจจะสับสนกับการเลือกซื้อถังเก็บน้ำหรือ แท้งค์น้ำ ว่าเราควรซื้อแบบไหนดี แบบไหนที่เหมาะกับบ้านเราดี แบบไหนที่ใช้งานได้คุ้มค่ากว่ากันดี…??? เป็นคำถามที่ วนเวียนอยู่ในหัวของเราตลอด โดยเฉพาะคนที่เริ่มทำบ้าน และไม่ได้ ถามช่างประปามาก่อน หรือ คนที่เป็นที่ใช้น้ำน้ำบาดานมาก่อนและเปลี่ยนมาใช้น้ำประปา ก็ จะมีคำถามอยู่ในหัวแบบนี้ ค่ะ และวันนี้ แอดจะพาทุกท่านมาดู วิธีเลือกถังเก็บน้ำ หรือ แทงค์น้ำให้เหมาะกับการใช้งาน ของท่านกันค่ะ

เลือกชนิดของถังเก็บน้ำ

ทุกคนคงเคยเห็นกันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่า ถังเก็บน้ำ หรือบางคนเรียกว่า แท้งค์เก็บน้ำ ที่คนที่นิยมใช้งานจะมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่

1. ถังเก็บน้ำสแตนเลส

           สำหรับใช้บรรจุน้ำสะอาด น้ำประปา น้ำฝน เพื่อการอุปโภค-บริโภค สะอาดปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ แข็งแรง แตกยาก ทนทาน สวย เงางาม ทนแดด ทนฝน ทนทานต่อการกัดกร่อน ฝุกร่อนยาก ทนความร้อนได้ดี ไม่เกิดกลิ่น เมื่อเก็บน้ำไว้นาน เคลื่อนย้ายสะดวก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่เกิดตะไคร่น้ำ ง่ายต่อการทำความสะอาด และสามารถปลอยน้ำทิ้งไล่ตะกอนที่ตกค้างออกได้จนหมดถัง ควรทำความสะอาดทั้งภายใน และภายนอก ทุกๆ 6 เดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวมากขึ้น

ข้อควรระวัง

1. ไม่ควรนำไปใช้บรรจุน้ำที่มีค่าความเป็นกรด เป็นด่างสูง เช่น น้ำบาดาล น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำที่มีคลอรีนสูง หรือ น้ำที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูง เพราะอาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้

2. ไม่ควรนำไปวางตั้งในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น พื้นที่ลาดเอียง ใกล้ทะเล เศษเหล็กจากการเชื่อมงาน ละองจากการพ่นสี เศษปูนจากงานก่อสร้าง สารเคมีต่างๆ เป็นต้น เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาทำให้เป็นสนิมได้

3. ห้ามใช้ข้อต่อที่เป็นเหล็กในการติดตั้ง เนื่องจากเนื้อแสตนเลสเมื่อสัมผัสกับเนื้อเหล็กแล้วจะทำปฏิกิริยาต่อต้านกัน จนทำให้เกิดสนิม ควรใช้ข้อต่อที่เป็นสแตนเลส ทอเหลือง หรือ PVC เท่านั้น เพื่อยืดอายุการใช้งาน

2. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส

          เป็นถังเก็บน้ำสำเร็จรูปที่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากผลิตขึ้นจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fiberglass Reinforced Plastics หรือ FRP) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดแข็ง ที่มีการใส่วัสดุช่วยเสริมความแข็งแรงอย่าง “เส้นใยแก้ว” ซึ่งมีความอ่อนนุ่ม ทว่าเหนียว แข็งแรง และทนต่อแรงดึงได้สูงมาก ลงไป เพื่อให้ได้ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสที่มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย มีน้ำหนักเบา และสามารถรองรับแรงอัดได้ดี

           ส่วนใหญ่คนจะเลือกใช้ถังเก็บน้ำชนิดนี้กัน เพราะดีไซน์หลากหลายสวยงาม เอาไปวางใช้งานที่บ้านแล้วดูเข้ากัน ไม่สะดุดตา อีกทั้งยังแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา รับแรงดันได้ดี ไม่เป็นพิษกับน้ำ ใช้ได้กับทั้งน้ำประปา และน้ำกร่อย

ข้อดีของถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส

1. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสสามารถบรรจุน้ำได้หลายหลายชนิดทั้งน้ำสะอาด และน้ำกร่อย โดยไม่ทำให้เกิดตะไคร่น้ำและสนิม เนื่องจากเส้นใยแก้วซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตไฟเบอร์กลาสไม่มีส่วนผสมของเหล็ก ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดสนิม
2. มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ทั้งถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสแบบบนดินและแบบฝังดิน
3. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสมีให้เลือกใช้งานหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่ใช้ตามบ้าน ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ใช้ในงานส่วนอุตสาหกรรม
4. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสมีความแข็งแรงกว่าถังเก็บน้ำโพลีเอทิลีน หรือ ถังเก็บน้ำพลาสติก

5. เมื่อต้องการเก็บน้ำสำรองในปริมาณมาก การใช้ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสสามารถประหยัดต้นทุนในการก่อสร้างได้มากกว่า เมื่อเทียบกับการสร้างบ่อคอนกรีตหรือบ่อปูนขนาดใหญ่
6. สามารถติดตั้งได้ง่าย และใช้เวลา รวมถึงจำนวนแรงงานในการติดตั้งน้อยกว่า
7. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสดูแลรักษาง่าย เมื่อเกิดความเสียหายสามารถซ่อมแซมได้ทุกจุด โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนใหม่
8. ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส แข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 20 ปี
9. ปลอดภัยสำหรับการอุปโภคบริโภค เพราะวัสดุที่ใช้เป็น Food Grade

3.ถังน้ำโพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง

          ถังเก็บน้ำ PE (โพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง) หรือ ถัง PE สีฟ้า ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง หรือที่ที่มีแสงส่องถึงเนื่องจาก คุณสมบัติของตัวเนื้อพลาสติกไม่มีความทึบแสงทำให้แสงสามารถลอดผ่านตัวถังเข้าไปสัมผัสกับน้ำได้ ทำให้มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง

        ถังเก็บน้ำ PE (โพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง) หรือ ถัง PE สีฟ้า ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง หรือที่ที่มีแสงส่องถึงเนื่องจาก คุณสมบัติของตัวเนื้อพลาสติกไม่มีความทึบแสงทำให้แสงสามารถลอดผ่านตัวถังเข้าไปสัมผัสกับน้ำได้ ทำให้มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง

ข้อดีของถังโพลิเมอร์ชนิดไม่ทึบแสง

1. เป็นถังเก็บน้ำ ที่มีราคาถูก ที่สุดในกลุ่ม
2. ไม่เกิดสนิมเนื่องจากเป็นวัสดุโพลิเมอร์ (PE)
3. สามารถบรรจุน้ำได้หลายหลายชนิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิม เพราะเป็นวัสดุ โพลีเมอร์
4. มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบ ถังเก็บน้ำบนดิน และถังเก็บน้ำฝังดิน
5. มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ถังเก็บน้ำขนาดเล็กที่ใช้ตามบ้าน จนถึงขนาดใหญ่ที่ใช้งานในส่วนอุตสาหกรรม

ข้อจำกัด

1. มีโอกาสเกิดตะไคร่น้ำภายในถังได้เนื่องจากเป็นวัสดุที่แสงสามารถลอดผ่านได้
2. สีจะซีดจางเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
3. อายุการใช้งานไม่นานมากนัก ไม่เหมาะกับการใช้งานในบ้านพักอาศัย
4. ไม่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง เนื่องจากอาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
5. ข้อต่อต่าง ๆ ใช้ความร้อนในการเชื่อม อาจทำให้เกิดรอยแยก หรือ แตกร้าวได้ง่าย
6. ก้นถังเป็นพื้นเรียบทำให้ล้างทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากอาจมีน้ำค้างอยู่ก้นถัง

4. ถังเก็บน้ำ โพลิเมอร์ ชนิดทึบแสง

          วัสดุโพลิเมอร์ ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในการผลิตถังเก็บน้ำเป็นอย่างมากเนื่องจาก คุณสมบัติที่มีความสะอาด ปลอดภัย ทึบแสง ป้องกันรังสี uv ราคาที่ไม่สูงมากนัก (ขนาด 1000 ลิตร ราคาประมาณ 5,500 – 7,500 บาท) สีสันสวยงาม ด้วยการผสมสีด้วยวิธี Compounding (การใช้ความร้อน แรงดันบีบอัด สีให้เป็นเนื้อเดียวกันกับเม็ดพลาสติก)

        ดังนั้นวัสดุชนิดนี้สีจึงไม่หลุดร่อน และไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนแน่นอน อายุการใช้งานยาวนาน การรับประกันสินค้า มีตั้งแต่ 15 – 25 ปี ทั้งนี้แหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจรณาด้วยเช่นกัน โดยหลัก ๆ มีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

4.1 เอลิเซอร์ (Elixir by SCG)

คุณสมบัติพิเศษของ ถังเก็บน้ำ ที่ผลิตจากวัสดุเอลิเซอร์ (Elixer) คือ
1. เป็นวัสดุ Food Contact คือเป็นวัสดุที่ได้การรับรองว่าสามารถนำมาใช้สัมผัสอาหารและน้ำดื่มได้ปลอดภัย
2. สีไม่ซีดจาง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ทำให้สีหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีการหลุดลอกของสี ปนเปื้อนลงในน้ำที่บรรจะภายในถังน้ำ
3. ปราศจากสารตะกั่ว และปรอท เนื่องจากใช้ส่วนผสม และสีที่มีคุณภาพสูง ไม่มีส่วนผสมของโลหะหนัก จึงไม่มีสารที่เป็นอันตรายปนเปื้อนลงในน้ำ
4. เป็นวัสดุที่มีความทึบแสง ทำให้แสงไม่สามารถลอดผ่านตัวถังเก็บน้ำได้ ทำให้น้ำที่บรรจุภายในถัง ไม่เกิดตะใคร่น้ำ ที่เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
5. ไม่มีกลิ่นรบกวน เนื่องจากผ่านการทดสอบเรื่องกลิ่นด้วยมาตรฐานเดียวกับท่อน้ำดื่ม
6. มีความแข็งแรงทนทาน ด้วยส่วนผสมของสารป้องกันรังสี UV ทำให้สามารถตั้ง ไว้กลางแจ้งได้ และตัววัสดุยังผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)

4.2 อินโนว่า (INNOVA by PTT)

คุณสมบัติพิเศษของ ถังน้ำ ที่ผลิตด้วย Polyethylene Innova by Ptt Global Chemical
1. เป็นโพลิเมอร์ คุณภาพสูง (Hexene Co-Polymer C6) มีความทนทาน หรือ ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม สูงกว่าโพลิเมอร์ชนิดทั่วไป มากกว่า 20 เท่า
2. Foodgrade ใหม่ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก EU Food Contact , U.S. FDA ว่าสามารถใช้เป็นวัสดุ สำหรับการบรรจุ อาหารและน้ำดื่มได้
3. นวัฒกรรมการผลิตแบบ Compounding ด้วยเครื่อง Extrudsion ผ่านความร้อน และความดัน ทำให้สี และพลาสติกโพลิเมอร์รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งจะไม่หลุดลอกออกมาปนเปื้อนกับน้ำที่บรรจุ ภายในถังเก็บน้ำ
4. ใช้สี และ Additive ต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตที่เป็น Foodgrade ทำให้ความปลอดภัย

ข้อดีของถังเก็บน้ำ โพลิเมอร์ ชนิดทึบแสง

1. มีให้เลือกหลายรูปทรง และมีสีสัน สวยงาม ทันสมัย สามารถนำไปเป็นของแต่งบ้านได้อีกแบบหนึ่ง
2. ไม่เกิดตะไคร่น้ำภายในถัง เนื่องจากเป็นวัสดุโพลิเมอร์ชนิดทึบแสง ในบางรุ่น อาจเพิ่มสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในเนื้อวัสดุ ทำให้น้ำมีความสะอาด ปลอดภัย
3. สามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้เนื่องจากวัสดุเป็นสาร Food Grade ที่สามารถสัมผัสน้ำดื่มได้โดยตรง โดยไม่เกิดสารปนเปือน
4. สีสันสวยงาม ไม่ซีดจาง เนื่องจากมีสารป้องกัน UV
5. สามารถตั้งกลางแจ้งได้ (อุณภูมิน้ำภายในจะสูงขึ้นเล็กน้อย)
6. ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิม เพราะเป็นวัสดุ โพลีเมอร์

ข้อจำกัด

1. เนื่องจากเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทำให้มีสินค้าออกมาให้เลือกหลายยี่ห้อ จึงอาจเกิดสินค้าลอกเลียนแบบ หรือ สินค้าที่ใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานมาผลิต อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรสังเกต สัญลักษณ์การรับประกันคุณภาพสินค้าให้ดี
2. ข้อต่อต่าง ๆ เป็นวัสดุคนละชนิดกับตัวถัง อาจทำให้เกิดรอยแยก หรือ แตกร้าวได้ง่าย
3. ก้นถังเป็นพื้นเรียบทำให้ล้างทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากอาจมีน้ำค้างอยู่ก้นถัง

พื้นที่ในการติดตั้งถังเก็บน้ำ

โดยทั่วไป การติดตั้งถังเก็บน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดิน และการติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน

การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดิน

          การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดินมีข้อดีในเรื่องของการติดตั้ง การดูแลรักษา การซ่อมบำรุง และการเคลื่อนย้าย ที่สามารถทำได้อย่างสะดวกและง่ายดาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องของอุณหภูมิของน้ำ ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศจนส่งผลต่อการเกิดตะไคร่น้ำภายในถัง ซึ่งมักจะพบได้บ่อยในถังเก็บน้ำพลาสติกชนิดโปร่งแสง ส่งผลให้การติดตั้งถังเก็บน้ำบนดินจึงนิยมใช้เป็นถังเก็บน้ำประเภทถังเก็บน้ำสเตนเลส และถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน และไม่เกิดตะไคร่หรือสนิมได้ง่าย

การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดิน

          ในกรณีที่อาคารหรือบ้านพักอาศัยมีพื้นที่ใช้สอยอย่างจำกัด การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดินก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยในการประหยัดพื้นที่สำหรับติดตั้ง และช่วยให้บริเวณโดยรอบอาคารบ้านพักดูเรียบร้อยสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาตะไคร่น้ำที่อาจเกิดขึ้นภายในตัวถังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำภายในถังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ทั้งนี้การติดตั้งถังเก็บน้ำใต้ดินก็มีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง และการทำความสะอาด รวมถึงการซ่อมแซม ที่ทำได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้การเลือกใช้ถังเก็บน้ำใต้ดิน นิยมใช้เป็นถังเก็บน้ำคอนกรีต และถังเก็บน้ำพลาสติกชนิดติดตั้งใต้ดิน เนื่องจากมีความคงทน แข็งแรง และปลอดภัยค่อนข้างมาก ทำให้สามารถรองรับแรงกด และแรงกระแทกได้ดีโดยไม่เกิดการทรุดตัว และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถังเก็บน้ำชนิดอื่น ๆ

คำนวนปริมาณของถังเก็บน้ำ

ขนาดของถังเก็บน้ำก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้งานควรเลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยการเลือกขนาดของถังเก็บน้ำนั้น ควรเลือกพิจารณาจากจำนวนผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน และปริมาณน้ำที่ใช้ในแต่ละวันเป็นหลัก โดยสามารถพิจารณาอ้างอิงจากข้อมูลการใช้น้ำของการประปานครหลวงได้ ดังนี้

  • ผู้ที่พักอาศัยในเขตนครหลวงจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 200 ลิตร ต่อคน ต่อวัน
  • ผู้ที่พักอาศัยในเขตเทศบาลจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 120 ลิตร ต่อคน ต่อวัน
  • ผู้ที่พักอาศัยแถบชานเมืองจะมีปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย 70 ลิตร ต่อคน ต่อวัน

ซึ่งปริมาณน้ำที่ควรกักเก็บสำรองเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสามารถคำนวนได้จากสูตร : จำนวนผู้พักอาศัย X ปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย (ต่อคน ต่อวัน) X ระยะเวลาที่ต้องการสำรองน้ำไว้ใช้ (โดยปกตินิยมคำนวนที่ประมาณ 2-3 วัน)

วิธีการคำนวณ

นำจำนวนคนภายในบ้าน x 200 (ลิตร) x จำนวนวัน จะได้ปริมาณน้ำที่จะใช้ ภายในในบ้าน ตัวอย่าง เช่น ในบ้านที่มีสมาชิก 4 คน ให้เราคิดคำนวณ 4 x 200 = 800 ลิตรต่อวัน และควรเผื่อฉุกเฉิน 2-3 วัน ดังนั้นถังน้ำสำหรับครอบครัว 4 คน จึงควรมีขนาด 1,500 – 2,500 ลิตร

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำของแต่ละคนไม่เท่ากันตามกิจกรรมที่แตกต่างกัน โดยอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 200 ลิตรต่อวันได้ การเลือกขนาดความจุของถังเก็บน้ำตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว สามารถเริ่มต้นสำรองให้เพียงพอใช้ได้ใน 1 วัน ดังนี้

1. จำนวนผู้ใช้น้ำ 4 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 800 ลิตร
2. จำนวนผู้ใช้น้ำ 5 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,000 ลิตร
3. จำนวนผู้ใช้น้ำ 6 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,200 ลิตร
4. จำนวนผู้ใช้น้ำ 7-8 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,600 ลิตร
5. จำนวนผู้ใช้น้ำ 9-10 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 2,000 ลิตร

มีช่องทางการสั่งซื้อง่ายๆมาแนะนำคะ

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline
📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline
🛒3. LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒4. NOCNOC :
🛒5. Shopee : https://shopee.co.th/wehomeonline
📞7. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

เสริมความปลอดภัยด้วยการล้อมรั้วลวดหนาม

การล้อมรั้วลวดหนาม เป็นรั้วอีกประเภทที่หลายท่านให้ความสนใจ และคุ้นเคยกัน โดยได้นำรั้วลวดหนามมากั้น และกำหนดขอบเขตของบ้าน ที่ดินว่าง สวนต้นไม้ หรือ สิ่งปลูกสร้างปุเภทต่างๆ เพื่อให้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสันส่วนได้อย่างชัดเจน และป้องกันการบุกรุกจากบุคคลอื่น โดยแอดจะมาพูดถึง ลักษณะ ขนาด และ ประโยชน์ของลวดหนาม เพื่อไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจในการเลือกซื้ออุปกรณ์วัสดุต่าง ๆ

รายการ

ลักษณะของหนาม

ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันหนามอยู่ 2 แบบ ได้แก่

การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)

เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต

การพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ (Reversed Twist)

เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ ที่มีการพันเกลียวนามแบบไขว้สลับ ตัวหนามจะแน่นเป็นพิเศษ แข็งแรงไม่มีหลุด ที่สำคัญเส้นลวดจะมีการพันสลับที่แน่นกว่าแบบเดิม หรือแบบพันเกลียวปกติ ทำให้เพิ่มความแข็งแรงของลวดหนามที่พันเกลียวด้วยลักษณะนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มมีลวดหนามซิงค์อลูฯ ไวน์แมนก็มีการพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ ทำให้ขึงตึง ไม่หย่อน

ขนาดเบอร์ของลวดหนาม

ลวดหนามเบอร์ที่นิยมใช้ แต่ละเบอร์มีขนาดต่างกัน เบอร์ลวดหนามที่ใช้กันแพร่หลายมาจากมาตรฐาน SWG (Standard Wire Gauge) เป็นมาตรฐานของ British Standard Wire Gauge (BS3737 : 1964) ที่ใช้ในแบบสากล รวมถึงประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานนี้ ในปัจจุบันนิยมใช้ลวดหนามเบอร์ 13 เบอร์ 14 และ เบอร์ 15

ตารางเทียบเบอร์ลวดหนามเป็นมิลลิเมตร ตามมาตรฐาน SWG

ประโยชน์ของการใช้ลวดหนาม

การนำวัสดุที่ทำจากลวดหนาม หรือเหล็ก มาใช้ในการล้อมรั้ว มีประโยชน์ ดังนี้

  1. ป้องกันการบุกรุกการล้อมรั้วด้วยลวดหนาม จะช่วยทำให้คุณสามารถป้องกันการบุกรุกพื้นที่บ้าน และส่วนต่าง ๆ ภายในที่ดินจากบุคคลภายนอก เพื่อป้องกันอันตรายและป้องกันการโจรกรรมภายในบ้าน นี่จึงเป็นข้อดีอย่างยิ่งที่หลายคนเลือกการล้อมรั้วลวดหนาม
  2. สร้างความสวยงามภายในบ้าน บางครั้งอาจมีการล้อมรั้วลวดหนาม เพื่อตกแต่งบ้าน หรือพื้นที่ภายนอกที่เหลือต่อการใช้ประโยชน์ต่าง ๆ โดยการล้อมรั้ว และปลูกต้นไม้ เพื่อประดับตกแต่งบ้านให้มีความสวยงามจากธรรมชาติ
  3. กำหนดขอบเขตบริเวณแบบชัดเจน เหตุผลหลักของการล้อมรั้วลวดหนามนั้น เพื่อกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน สำหรับขอบเขตบริเวณบ้าน และที่ดิน เพื่อป้องกันการรุกล้ำในพื้นที่ส่วนตัวจากเพื่อนบ้าน หรือการทำประโยชน์จากผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
  4. ราคาถูก แข็งแรงทนทานอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนเลือกใช้รั้วลวดหนามเป็นตัวช่วยในการล้อมรั้ว เพราะวัสดุชนิดนี้มีราคาถูกมาก สามารถซื้อได้ในจำนวนที่มาก แถมยังมีประสิทธิภาพในความแข็งแรง ทนทาน ต่อสภาพอากาศ และใช้งานได้เป็นอย่างดี

การเคลือบสารกันสนิม หรือ การชุบซิงค์ของลวดหนามในปัจจุบันหลัก ๆ มีการเคลือบอยู่ ดังนี้

การชุบซิงค์แบบไฟฟ้า (Electro Galvanized)

กระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในสารละลายเกลือของโลหะ (Metallic Salts) แล้วทำให้อิออนบวกวิ่งมารับประจุไฟฟ้าลบที่ชิ้นงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้วลบ (Cathode) จึงทำให้เกิดเป็นชั้นผิวบางของโลหะมาเคลือบอยู่บนผิวด้านนอกของชิ้นงานการชุบซิงค์ จัดอยู่ในประเภทการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า เป็นกระบวนการที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากสามารถนำโลหะ และอโลหะหลายชนิดมาทำการเคลือบผิว ในขณะเดียวกันก็สามารถเลือกโลหะที่จะนำมาเคลือบผิวได้หลากหลายชนิดด้วย ซึ่งการเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก ทำให้อายุการใช้งานของการชุบแบบนี้ อยู่ได้ไม่นานมากนัก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน

การชุบซิงค์อลูมิเนียม (ZnAl)

เป็นการป้องกันสนิมที่มีส่วนผสมของซิงค์และอลูมิเนียม (ZnAl) ทั้งนี้จะมีการระบุสัดส่วนและปริมาณอลูมิเนียมที่ผสม ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากที่สุดคือ ซิงค์อลู 10% (ZnAl 10%) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน และเพิ่มอายุการใช้งานของเส้นลวด ทำให้ลวดหนามซิงค์อลูมีอายุการใช้งานยาวนานมากถึง 80 ปี*

การชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized)

โดยปัจจุบันกระบวนการเคลือบสารกันสนิมหรือการชุบซิงค์ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า การชุบซิงค์มีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized) ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัมเพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษ

ในต่างประเทศได้เริ่มใช้ลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนมานานหลายปีแล้ว การเคลือบสารป้องกันสนิมหรือชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษนั้น จะมีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนเฉลี่ย 235-250 กรัม/ตารางเมตร ในส่วนประเทศไทยนั้นเริ่มมีลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแล้วเช่นกัน อย่างแบรนด์ลวดหนามเทวดาที่มีจำหน่ายอยู่ ลวดหนามที่มีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 30 – 50 ปี

วิธีติดตั้งลวดหนาม

           สำหรับวิธีการสร้างรั้วลวดหนามนั้น เป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพราะมีขั้นตอนในการล้อมรั้วที่ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้ทักษะในด้านงานช่างสักเท่าไหร่นัก แต่หากคุณต้องการให้งานออกมาดี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ควรจ้างช่างผู้รับเหมา เพื่อเข้ามาช่วยในการทำรั้วเหล่านี้

          วิธีการเลือกความสูงของเสา โดยจะมีขนาด 1 เมตร ไปจนถึง 3 เมตร ตามภาพเลยค่ะ โดยเสารั่ว รูจะห่าง 2 ซม

สำหรับอุปกรณ์ในการติดตั้ง ได้แก่

1. เสารั้ว ความสูงที่ต้องการ
2. คีมผูกลวด
3. ลวดผูกสำหรับยึดเสาค้ำ
4. สายวัด
5. ค้อน ไว้สำหรับตอกตัวกิ๊บล็อคลวดหนาม
6. กิ๊บล็อคลวดหนมาม
7. สายรัด ไว้ใช้สำหรับดึงลวดหนามให้ตรึง
8. ลวดหนามขนาดที่ลูกค้าต้องการ
9. ชะแลง ถ้าเกิดไม่มีชะแลงสามารถใช้จอบ และเสียมได้
10. เครื่องเจาะดิน (เป็นอุปรณ์ที่ทำให้สะดวกและเร็วกว่าการขุดเอง)

วิธีการติดตั้ง ลวดหนาม

1. ให้เราว่างเสาโดยกะระยะของแต่ละหลุมก่อนว่าเราจะวางห่างกันกี่เมตร
*แนะนำให้ว่างห่างกันตามความสูงของเสา เช่น เสาสูง 2 เมตร เราควรเจาหลุมอยู่ที่ 2 เมตร – 3 เมตร
* ถ้ากิดหางมากกว่านั้น ลวดหนามอาจจะหยุ่นได้แล้วเสาอาจจะล้มได้ค่

2. ให้เราขุดหลุม โดยใช้เครื่องเจาะดิน เพื่อความสำสะดวกและรวดเร็วเราควรเจาะลึกประมาณ 30-50 ซม. นะคะ และสำหรับพื้นไหนที่แห้งมากเราอาจจะใช้วิธีการเท่น้ำลงไปก่อน เพื่อให้ดินอ่อนตัวก่อนแล้วทำการเจาะอีกครั้งนะคะ หลังจากเราเจาะหลุมครบทุกต้นตามจำนวนที่เราต้องการแล้ว

3. ให้เราหย่อนเสาลงในหลุมให้ครบทุกหลุม ที่เราเจาะไว้ ถ้าเกิดหน้างานไหนดินแข็งอยู่แล้วไม่ใช้ที่ดินอุ้มน้ำตลอดเราใช้แค่ดินถมได้เลยค่ะไม่จำเป็นต้องเท่ปูนลงไปในหลุด
*หากพื้นที่ที่เป็นที่อุ้มน้ำแนะนำให้เท่ปูนลงหลุมเสาค้ำ และตรงหัวมุมค่ะเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับเสามากขึ้นค่ะ เพราะตรงนี้จะรับน้ำหนักเยอะมากค่ะ

4. ส่วนของเสาค้ำเราจะใช้ 10 % จากจำนวนของเสารั้วทั้งหมด เช่น เราใช้เสา 100 ต้น ก็จะค้ำอยู่ 10 ต้นนะคะ โดยจะค้ำ ทุกๆ 10-15 ต้นค่ะ และจะเริ่มค้ำตั้งแต่ต้นแรกเลยค่ะ เสาค้ำจะช่วยเสริมให้ด้านความแข็งแรงของเสาที่รับน้ำหนักนะคะ โดยเราจะต้องค้ำทุกๆ 10-15 ต้น
** เสาคำเราจะใช้เสาแบบเดียวกันกับเสารั้วก็ได้ค่ะ โดยเสค้ำเราจะใช้ลวดสอดเข้าไปตรงรูสุดท้ายของเสาและก็ ม้วนลงมากว่าตรงเสาที่เราต้องการจะค้ำเลยค่ะ

5. ลำดับต่อไปเป็นวิธีการ ขึงลวดหนามโดยที่เราจะขึงลวดหนามให้ตรงตำแหน่งที่เราจะขึงลวดหนามก่อน หลังจากนั้นเราจะนำสายลัดพันกับลวดหนามเพื่อที่จะดึงลวดหนามให้ตรึง

6. จากนั้นให้เรานำกิ๊บล็อกสอดเข้าไปในรูเพื่อยึดลวดหนามเข้ากับเสารั่ว และจะใช้ค้อนช่วยตอกเข้าไปให้ทะลุอีกฝั่งและเราใช้คีมหรือค้อนเมือนเดิมในการพับกิ๊บอีกฝั่ง

- 13%
Original price was: ฿795.00.Current price is: ฿695.00.
- 15%
- 17%
- 19%

          วิธีนี้เป็นวิธียอดนิยมอาจจะใช้การติดตั้งนานหน่อยแต่จะทำให้ลวดหนามยึดติดกับรั้วเรานานมากๆเลยค่ะ และเราก็ทำแบบเดิมไปเลื่อยๆจนเสร็จสิ้นการป้องการพื้นที่ของเราให้มีความปลอดภัยค่ะ

          เป็นยังไงกันบ้างค่ะ สำหรับ บทความ เสริมความปลอดภัยด้วยการล้อมรั้วลวดหนาม ค่ะ แอดหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆ ท่านกันนะคะ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก

https://vinemanfence.com/what-is-barbed-wire-fence/

https://www.kacha.co.th/articles/รั้วลวดหนาม-คืออะไร-ข้อ/

เคล็ดลับป้องกันน้ำซึมเข้าบ้านในช่วงฤดูฝน

          ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูฝนแล้วหลังจากที่เราต้องทนร้อนมานานหลายเดือนแล้ว ต่อไปเราจะสัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำของสายฝนกันไปราว 5-6 เดือน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมคือบ้านของเราเอง ต้องหมั่นตรวจสอบว่ามีมีจุดใดของบ้านมีรอยรั่วซึมหรือรอยแตกร้าวหรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาเช่นนี้ จะต้องดำเนินการซ่อมแซมเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้ามาในบ้าน ถ้าหากเราไม่รีบแก้ไขปัญหานี้ น้ำฝนอาจจะรั่วซึมเข้ามาและทำให้เกิดความเสียหายแก่เฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ภายในบ้านได้

ปัญหาที่พบเจอกันบ่อย

ดังนั้นจุดที่ควรตรวจสอบและแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองได้แก่ :

ดาดฟ้า

     มักจะเกิดการรั่วซึม บริเวณรอยต่อดาดฟ้าชนผนัง และบริเวณพื้นดาดฟ้าที่มีรอยแตกร้าว

Tips : หากดาดฟ้ามีน้ำขังบ่อย ควรเลือกใช้กันซึมชนิดซีเมนต์ เช่น จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ ไม่ควรใช้กันซึมชนิดอะคริลิก เช่น จระเข้ รูฟ ชิลด์ เพราะจะเสื่อมสภาพได้ง่ายกว่าเมื่อต้องแช่น้ำเป็นเวลานานๆ

พื้นหลังคาคอนกรีตแตกร้าว

เช่น พื้นดาดฟ้าแตกร้าว พื้นเป็นแอ่ง น้ำขัง ทำให้เกิดน้ำรั่ว

Tips : แก้ไขโดยการปรับความลาดเอียงของพื้นให้น้ำไหลออกได้สะดวก และซ่อมรอยร้าว ทำกันซึมพื้นให้เรียบร้อย

silicone sealant

หลังคา

     หลังคาบ้านอาจเกิดรอยร้าวหรือรอยรั่วได้จากหลายสาเหตุ เช่น กระเบื้องร้าวหรือชำรุดเพราะใช้งานมานาน กระเบื้องยึดไม่แน่น กระเบื้องหลุด ช่างมุงกระเบื้องซ้อนกันไม่สนิทหรือระยะซ้อนทับน้อยเกินไป โครงสร้างหลังคาซับซ้อนมีรอยต่อมาก ฯลฯ

Tips : กระเบื้องที่แตกร้าวควรเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องใหม่ ต้องมุงอย่างถูกต้องและใช้สกูรยึดให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึม ส่วนรอยต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องที่รั่วซึมนั้นให้ใช้ซีเมนต์สำหรับงานซ่อมอุดตามรอยรั่วซึม จากนั้นทาทับด้วยวัสดุกันซึมอีกชั้น หรือจะใช้แผ่นปิดรอยต่อช่วยบางตำแหน่งก็ได้ นอกจากนี้ รางน้ำฝนบนหลังคาบ้าน ก็ต้องทำความสะอาดเก็บกวาดเศษฝุ่น เศษดิน เศษใบไม้ใบหญ้า เศษขยะทิ้งให้เกลี้ยง เมื่อเวลาที่ฝนตกลงมาจะได้สามารถระบายน้ำลงจากหลังคาได้ทันด้วย มิเช่นนั้น อาจทำให้น้ำรั่วซึมลงได้

ผนัง

     ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่ รอยต่อระหว่างผนังกับขอบวงกบ รอยแตกขอบมุมวงกบ และรอยแตกร้าวบนผนัง

Tips : หากสีของผนังเริ่มลอกล่อน ต้องขูดลอกสีเก่าออกก่อนลงมือซ่อมแซมรอยแตกร้าวและทากันซึม

ขอบวงกบประตู-หน้าต่าง

     รอยร้าวนี้มักพบเพราะเกิดจากการยืดขยายตัวของอุณหภูมิ ทำให้เกิดรอยร้าวที่มุม และทำให้น้ำฝนรั่วซึมเข้ามา

Tips : แก้ไขโดยการตรวจสอบว่ามีเสาเอ็น ทับหลัง เหล็กกรงไก่หรือไม่ ถ้าหากมีครบให้เรียกช่างมาซ่อมรอยร้าวทันที

ประเภทของผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำรั่วซึม

มีผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำรั่วซึมหลากหลายแบบ แต่วันที่แอดขอยกตัวอย่างมา 3 แบบ ได้แก่ :

เทปสำหรับกันรั่ว ซึม

     ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เทปกันซึมแบบยืดหยุ่น กันน้ำ 100% ตาข่ายไฟเบอร์เสริมแรง สำหรับงานกันซึมในพื้นที่สัญจร เทปตาข่ายไฟเบอร์ชนิดมีกาวในตัวสำหรับปัญหาผนังแตกร้าว และเทปกาวอเนกประสงค์ แก้ปัญหารั่วซึมในหลากหลายพื้นที่

ซีเมนนต์กันรั่ว ซึม

     ซีเมนต์ผสมสำเร็จกันรั่วซึม เหมาะกับสระว่ายน้ำแบบขุด และพื้นที่ใต้ดิน และซีเมนต์กันรั่วซึมชนิดยืดหยุ่น แบบสองส่วนผสมสำหรับพื้นที่เปียกบนอาคาร และสระว่ายน้ำที่สร้างบนอาคาร

วัสดุทากันซึมดาดฟ้า โพลียูรีเทนและอะครีลิค

     วัสดุทากันซึมดาดฟ้า โพลียูรีเทนและอะครีลิคพร้อมใช้งานชนิดยืดหยุ่นสูง สารพัดประโยชน์ สำหรับดาดฟ้า หลังคา รอยต่อ และผนัง

สาเหตุของปัญหาน้ำซึมจากผนังข้างบ้าน

น้ำซึมผนังบ้านเพราะรอยแตกร้าว

สาเหตุหลัก เกิดจากรอยแตกร้าวที่ผนังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกร้าวแบบร่องลึก หรือรอยแยกขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ปัญหาเสาบ้านทรุด การใช้ปูนฉาบที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการผสมปูนที่ไม่ได้สัดส่วน

          เมื่อเกิดรอยแตกร้าวควรสังเกตลักษณะการแตกร้าวให้ดี เพราะหากเป็นรอยแตกร้าวเป็นเส้นตรงตั้งแต่มุมใดมุมหนึ่งยาวมาจนถึงกึ่งกลางผนัง หรือรอยแตกร้าวที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงตั้งฉากบริเวณกึ่งกลางผนัง อาจต้องรีบติดต่อวิศวกรโครงสร้าง เพราะการแตกร้าวแบบนี้อาจเกิดจากโครงสร้างอาคารทรุดตัวซึ่งทำให้เกิดอันตรายได้

น้ำซึมเข้ากำแพงเพราะการแตกลายงา

     นอกจากรอยแตกร้าวขนาดใหญ่เป็นร่องลึกแล้ว รอยแตกลายงาก็เป็นอีกสาเหตุของน้ำซึมจากผนังข้างบ้านได้เช่นกัน เพราะรอยแตกลายงาเหล่านี้จะค่อย ๆ สะสมน้ำเอาไว้ เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งน้ำก็จะค่อย ๆ ซึมออกมาตามรอยแตกเหล่านี้ ดังนั้นเพื่อป้องกันน้ำซึมผนังบ้านก็ควรซ่อมแซมก่อนปัญหาจะบานปลาย

น้ำซึมผนังบ้านเพราะรอยแตกร้าว

     แน่นอนว่าเมื่อเป็นปัญหาเกี่ยวกับการรั่วซึมแล้ว ระบบประปาก็ต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุน้ำซึมจากผนังข้างบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาจากระบบประปาจะสังเกตเห็นได้ชัดในเวลาที่ฝนไม่ตกแต่ก็ยังคงเกิดปัญหารั่วซึมอยู่ เกิดขึ้นได้ทั้งจากน้ำจากท่อประปาหรือน้ำจากท่อระบายน้ำ โดยส่วนมากมักเกิดในห้องที่ต้องใช้น้ำอยู่เป็นประจำ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว

          ดังนั้นวิธีสังเกตปัญหาน้ำซึมผนังบ้านที่ง่ายที่สุด คือ ปิดวาล์วน้ำทุกจุดในบ้านแล้วสังเกตดูว่ามิเตอร์น้ำยังคงหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีน้ำรั่วภายในบ้าน ควรค้นหาจุดรั่วซึมตามแปลนระบบท่อน้ำภายในบ้าน เมื่อพบตำแหน่งที่มีปัญหารั่วซึมเรียบร้อยแล้ว ควรรีบจัดการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด

ระบบกันซึมไม่ได้มาตรฐาน

     หนึ่งในสาเหตุสำคัญของน้ำซึมจากผนังข้างบ้านอาจเกิดขึ้นจากต้นเหตุอย่างการทำกันซึมด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีระยะเวลาการใช้งานสั้นลง ทำให้น้ำซึมเข้ากำแพงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

น้ำซึมจากใต้ดิน

     สำหรับที่อยู่อาศัยที่ประเภทอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวอายุมากกว่า 30 ปี น้ำซึมจากใต้ดินก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของน้ำซึมผนังบ้าน ได้เช่นกัน เพราะอาคารเหล่านี้มักอยู่ต่ำกว่าระดับถนน และมีรูปแบบโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดิน และชิ้นส่วนก็ยังแยกกับเสาและคาน จึงทำให้น้ำซึมผ่านรอยต่อระหว่างคาน ผนัง และแผ่นพื้นได้นั่นเอง

สินค้าแนะนำ

มีช่องทางการสั่งซื้อง่ายๆมาแนะนำคะ

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline
📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline
🛒3. LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒4. NOCNOC :
🛒5. Shopee : https://shopee.co.th/wehomeonline
📞7. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

เลือกก๊อกน้ำอย่างไรให้เหมาะกับอ่างล้างหน้า

นอกจากเลือกดีไซน์ที่สวยหรูแล้ว ในการเลือกก๊อกน้ำ ต้องคำนึงถึงอ่างล้างหน้าด้วยทุกครั้ง เพื่อให้การใช้งานที่สะดวก และป้องกันความผิดพลาดและการจัดองค์ประกอบของก๊อกน้ำและอ่างล้างหน้า ทำให้น้ำจากก๊อกกระจายออกนอกอ่าง แล้วต้องมาเสียเวลาเช็ดถูทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน WeHome จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับก๊อกน้ำมาฝาก เพื่อให้คุณได้ทำความเข้าใจก่อนเลือกซื้อมาใช้งาน

ตำแหน่งการติดตั้งก๊อกน้ำ

สามารถติดตั้งได้ 2 จุด คือ ติดตั้งที่ผนัง และติดตั้งบนเคาน์เตอร์หรืออ่างล้างหน้า

  1. การติดตั้งที่ผนัง ก๊อกน้ำแบบฝังผนังเหมาะกับอ่างล้างหน้าทุกประเภท ข้อดีคือ ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่าย แต่หากก๊อกน้ำหรือระบบท่อน้ำเสีย อาจยุ่งยากในการรื้อกระเบื้องหรือทุบผนัง
  2. การติดตั้งบนเคาน์เตอร์หรืออ่างล้างหน้า เป็นก๊อกน้ำแบบที่เราเห็นกันทั่วไป สามารถติดตั้งได้ง่าย และสะดวกในการบำรุงรักษา ส่วนมากจะเห็นก๊อกน้ำแบบนี้ใช้คู่กับอ่างล้างหน้าแบบแขวน อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ และอ่างล้างหน้าแบบฝั่งบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ

ขนาดของก๊อกน้ำ

เมื่อเรารู้ประเภทของก๊อกน้ำที่เราต้องการ และรู้ตำแหน่งที่จะติดตั้งก๊อกน้ำแล้ว ต่อไปเป็นการเลือกขนาดก๊อกน้ำที่เหมาะสมกับขนาดของอ่างล้างหน้า ควรตรวจวัดความสูง-ต่ำ ความยาวของตัวก๊อก และองศาการไหลของน้ำ เพื่อให้ก๊อกอยู่ในระดับที่ใช้งานได้สะดวก ไม่สูงจากอ่างล้างหน้าจนเกินไป ทำให้น้ำกระเด็นออกนอกอ่าง หรือไม่เตี้ยติดอ่างล้างหน้าจนเกินไป ทำให้อดมือเข้าไปล้างไม่สะดวก ซึ่งวิธีการเลือกขนาดของก๊อกน้ำ มีดังนี้

1. ความสูงของก๊อกน้ำ เป็นความสูงที่วัดจากฐานก๊อกน้ำถึงปากก๊อกน้ำ หากเลือกระดับที่เหมาะสม จะทำให้สอดมือเพื่อรองน้ำได้สะดวก ซึ่งความสูงของก๊อกน้ำควรสอดรับกับความลึกของอ่างล้างหน้า เช่น หากอ่างล้างหน้าก้นตื้น ไม่ควรใช้ก๊อกน้ำเตี้ย และที่สำคัญตัวก๊อกต้องไม่ติดชิดขอบอ่างมากเกินไป การใช้งานจะสะดวกมากขึ้น
2. ความยาวของก๊อกน้ำ เป็นความยาวของปากก๊อกน้ำ โดยวัดจากก้านเปิด-ปิดน้ำถึงปากก๊อกน้ำ ยิ่งความยาวปากก๊อกมาก ก็จะยิ่งทำให้สอดมือรองน้ำได้สะดวกขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกขนาดที่ความยาวพอดี และเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าที่คุณมี หากอ่างล้างหน้าที่มีเป็นอ่างขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางไม่มาก ก็ไม่ควรเลือกก๊อกน้ำที่ยาวจนเกินไป
3. องศาการไหลของน้ำ ช่วยให้สะดวกในการใช้งาน ซึ่งก๊อกแต่ละดีไซน์หรือก๊อกแต่ละยี่ห้อก็มีองศาการไหลของน้ำที่แตกต่างกันออกไป ถ้าองศาการไหลของน้ำเอียงออกจากตัวก๊อก จะใช้งานได้สะดวกกว่าองศาน้ำที่ไหลดิ่งลงตรง ๆ วิธีการเลือกองศาการไหลของน้ำ สามารถดูได้จากรูปทรงตรงปลายก๊อกน้ำ และสังเกตดูที่บริเวณรูน้ำไหลที่ปลายก๊อกได้

คุณสมบัติที่มีคุณภาพสำหรับก๊อกน้ำ
1. ควรทำมาจากทองเหลือง เพราะสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี
2. เป็นก๊อกน้ำที่เคลือบโครเมี่ยม ลักษณะจะเป็นมันวาว เพราะสามารถทนทานต่อสารเคมี และรอยขีดข่วนได้ดี
3. ควรมีซีลยาง และแหวานยางในตัวก๊อกน้ำ เพราะจะทนต่อการใช้งาน น้ำไม่รั่วซึม
4. ควรเป็นก๊อกน้ำที่มีระบบการเปิด-ปิดเพียงรอบเดียว เพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำได้

สั่งซื้อกดเลย!!!
- 36%
Original price was: ฿1,232.00.Current price is: ฿790.00.
- 19%
Original price was: ฿979.00.Current price is: ฿790.00.

4 เทคนิคการเลือกใช้งานปั้มน้ำ และถังเก็บน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ

B 24 เทคนิคการเลือกใช้งานปั๊มน้ำ และถังเก็บน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ

B 24 เทคนิคการเลือกใช้งานปั๊มน้ำ และถังเก็บน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ

การเลือกใช้ปั้มน้ำและถังเก็บน้ำให้เหมาะกับการใช้งานของคอนมิเนียม ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวหรือบ้าน2ชั้น ที่ทุกบ้านพบเจออยู่บ่อยครั้งหรือหลายครั้งที่ใช้น้ำพร้อมๆกันทั้งบ้านมีคำถามแก้ไข้ปัญหาเหล่านี้รวมถึงการเลือกใช้ปั้มน้ำที่เหมาะกับบ้านของคุณวันนี้ วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ ติดตามเคล็ดลับในปั้มน้ำและถังเก็บน้ำสำหรับใช้งานในบ้านของคุณได้เลย นะคะ

เทคนิคที่ 1 วิธีในการเลือกปั้มน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ?

1. การเลือกกำลังวัตต์ปั้มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน

          หลายท่าคิดว่าการเลือกปั้มน้ำต้องเลือกที่กำลังวัตต์สูง ๆ ไว้ก่อน ซึ่งแรงวัตต์สูงนั้นดีแต่ถ้าเกินความจำเป็นสำหรับบ้านที่มีจุดใช้น้ำน้อย ก่อนทำการตัดสินใจซื้อจึงต้องศึกษาคุณสมบัติของปั้มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นหลัก โดยพิจารณาจากปริมาณการใช้งานต่อวัน, จุดที่ใช้น้ำในบ้านและนอกบ้านทั้งหมดมีกี่จุด, โอกาสและช่วงเวลาที่ใช้พร้อมกัน ประกอบกับความสูงของอาคาร แล้วค่อยติดสินใจในการเลือกซื้อ

2. ฟังก์ชั่นปรับแรงดันน้ำอัตโนมัติ

ปั้มน้ำอัตโนมัติมีหลัก ๆ 2 ประเภท คือ ปั้มชนิดถังแรงดัน และปั้มชนิดแรงดันคงที่ ทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

ปั้มน้ำชนิดถังแรงดัน   เป็นปั้มน้ำทรงกระบอก การทำงานของปั้มน้ำชนิดนี้จะใช้หลักการให้น้ำไปแทนที่อากาศ เพื่อใช้แรงดันของอากาศในปั้มดันน้ำออกไปยังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ปั้มน้ำชนิดนี้จะทนทาน ราคาถูก และอะไหล่หาง่าย แต่แรงดันน้ำจะไม่สม่ำเสมอ หากเปิดใช้งานพร้อมกันความแรงของน้ำแต่ละจุดอาจจะไม่เท่ากัน ปั้มน้ำตัดการทำงานบ่อย ทำให้ต้องไล่เช็กลมและปล่อยน้ำอยู่เสมอ

ปั้มน้ำชนิดแรงดันคงที่   เป็นปั้มน้ำทรงเหลี่ยม รูปร่างค่อนข้างสวยงามและทันสมัย การทำงานจะให้แรงดันน้ำสม่ำเสมอ หากรุ่นที่มีราคาสูงจะมีฟังก์ชั่นควบคุมน้ำอัจฉริยะ สามารถตรวจสอบแรงดันน้ำที่เปลี่ยนแปลงแบบอัตโนมัติ หรือตั้งแรงดันได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับบ้านที่มีการใช้น้ำหลายจุด และอุปกรณ์ที่ต้องการแรงดันน้ำคงที่ เช่น เครื่องซักผ้า, เครื่องทำน้ำอุ่น และ Rain shower ข้อดีของปั้มน้ำชนิดนี้คือ แรงดันน้ำคงที่ เสียงเบา ขนาดไม่ใหญ่ และประหยัดไฟฟ้ากว่า แต่แน่นอนว่าราคาค่อนข้างสูง

3. วัสดุของตัวถังของปั้มน้ำ

          ปั้มน้ำเป็นอุปกรณ์ที่มักติดตั้งไว้ระดับพื้น มักได้รับผลกระทบจากแสงแดด ลมและฝน หากตัวถังผลิตจากวัสดุไม่มีคุณภาพจะทำให้ผุกร่อนง่ายและเกิดปัญหาถังรั่วตามรอยตะเข็บ อย่าลืมมองหารุ่นที่ตัวถังผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน ไม่เป็นสนิมหรือออกแบบไร้รอยเชื่อมต่อ เพื่อป้องกันการรั่วซึมตามตะเข็บ ทั้งนี้ควรเลือกปั้มน้ำที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี เพื่อยืดอายุการใช้งานของตัวมอเตอร์ ซึ่งในบางรุ่นจะมีพัดลมระบายความร้อนในเครื่อง แต่ปั้มน้ำอัตโนมัติบางรุ่นได้ออกแบบการระบายความร้อนด้วยน้ำหรือใช้มอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวร จึงไม่จำเป็นต้องมีพัดลมระบายความร้อน

4. ควรมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของน้ำ

          เครื่องปั้มน้ำที่ดีควรมีเครื่องหมาย มอก. รับรอง พร้อมเทคโนโลยีระบบตรวจสอบความผิดปกติและตัดการทำงานอัตโนมัติ อาทิ การป้องกันแรงดันเกินจากท่อประปาที่ส่งน้ำมาแรงเกิน มีเซนเซอร์แจ้งเตือนกรณีน้ำแห้งหรือน้ำขาด (Dry-running protection) และกรณีท่อรั่ว ปิดวาล์วน้ำไม่สนิท ปั้มน้ำจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนหน้าตัวเครื่อง พร้อมกับปิดการทำงานให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันด้านความปลอดภัยและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ว่ามีจุดรั่วไหล

5. ปั้มน้ำเสียงเงียบหลับสบายไม่สะดุ้งกลางดึก

          ปั้มน้ำทั่วไปจะมีเสียงดังทุกครั้งที่มีการเปิดใช้น้ำ ระดับเสียงจะอยู่ที่ 50-60 เดซิเบล ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกาย แต่อาจรบกวนสุขภาพจิตของคนในบ้านและเพื่อนบ้านได้ แนะนำให้มองหาปั้มน้ำอัตโนมัติระบบ Inverter ที่นอกจากช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว การทำงานยังเงียบ บางรุ่นมีระดับเสียงเท่า ๆ กับที่เราคุยกันปกติหรือประมาณ 45 เดซิเบล ช่วยลดมลพิษทางเสียงไปได้ค่อนข้างมากเลย

เทคนิคที่ 2 การเลือกปั้มน้ำมีกี่ แบบ มีอะไรบ้าง?

          ปั้มน้ำที่เราใช้ กันมีหลากหลายแบบ มาก จนเราที่เป็นเจ้าบ้าน เลือกใช้ไม่ถูกกันเลย และยังมีหลากหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อสินค้า ให้เลือก “พูดถึงยี่ห้อ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกใช้ตามที่ช่างแนะนำ หรือ จะเลือกซื้อตามความชอบก็ย้อมได้” ในรูปแบบ ของปั้มน้ำมี กี่แบบ กี่ประเภท ไปดู กัน

1. ปั้มน้ำอัตโนมัติ

เป็นปั้มน้ำที่มีขนาด ตั้งแต่ 100-400 วัตต์ บ้านที่มีสมาชิก 2-3 คน ควรเลือกใช้ ปั้มน้ำสำหรับ 100–150 วัตต์ ในขณะที่บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ควรเลือกใช้แบบ 400 วัตต์ ปัจจุบันจะมีปั้มน้ำอัตโนมัติแบบพิเศษ ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า

2. ปั้มน้ำกึ่งอัตโนมัติ

          คุณสมบัติคล้ายปั้มแบบอัตโนมัติ แต่การใช้งานแตกต่างกันตรงที่ต้องเปิดและปิดสวิตช์ หรือเสียบปลั๊กและถอดปลั๊กใช้งานด้วยตัวเอง ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตลาด เพราะเจ้าของบ้านส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปมากกว่า

3. ปั้มหอยโข่ง

          เหมาะกับการดึงน้ำมาเก็บใส่ถัง เช่นในการฟาร์มเกษตร หรือดึงน้ำขึ้นไปใช้บนอาคารสูงๆ อย่างสำนักงานหรือออฟฟิศ ด้วยคุณสมบัติปั้มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

4. ปั้มน้ำอินเวอร์เตอร์

          มีการใช้ไมโครโพรเซสเซอร์มาช่วยควบคุมการทำงาน สามารถควบคุมการหมุนของมอเตอร์ได้ตามปริมาณการใช้น้ำจริง ทำให้สามารถควบคุมการจ่ายน้ำได้ดี ประหยัดไฟ การจ่ายน้ำแรงสม่ำเสมอ สามารถจ่ายน้ำได้ทั่วบ้าน แต่มีข้อเสียคือมีราคาแพงกว่าปั้มน้ำแบบอื่น 2-3 เท่าตัว

นอกจากนี้ เลือกปั้มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน เป็น 1 วิธี ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านของคุณได้

  • สำหรับบ้านแบบทาวเฮาส์ 2 ชั้น อาจมีห้องน้ำ 2-3 ห้อง อาจเลือกใช้ปั้มขนาด 100-150 วัตต์ก็เพียงพอสำหรับ
  • สำหรับบ้านเดี่ยวแนะนำให้ใช้ปั้มขนาด 200–250 วัตต์ ซึ่งจะทำให้เปิดน้ำใช้พร้อมกันได้ถึง5-6 จุด โดยไม่มีปัญหา

แนะนำสินค้าปั้มน้ำ

เทคนิคที่ 3 การเลือกถังเก็บน้ำใช้ในบ้าน ควรเลือกอย่างไร?

สำหรับขนาดของถังเก็บน้ำในบ้านพักอาศัย ต้องเลือกขนาดที่เพียงพอต่อการใช้งานของคนในบ้าน โดยอ้างอิงจากสถิติความต้องการใช้น้ำเฉลี่ยปริมาณ 200 ลิตรต่อคน สำหรับสำรองน้ำใช้ใน 1 วัน

วิธีการคำนวณ  นำจำนวนคนภายในบ้าน x 200 (ลิตร) x จำนวนวัน จะได้ปริมาณน้ำที่จะใช้ ภายในในบ้าน ตัวอย่าง เช่น ในบ้านที่มีสมาชิก 4 คน ให้เราคิดคำนวณ 4 x 200 = 800 ลิตรต่อวัน และควรเผื่อฉุกเฉิน 2-3 วัน ดังนั้นถังน้ำสำหรับครอบครัว 4 คน จึงควรมีขนาด 1,500 – 2,500 ลิตร

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำของแต่ละคนไม่เท่ากันตามกิจกรรมที่แตกต่างกัน โดยอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 200 ลิตรต่อวันได้ การเลือกขนาดความจุของถังเก็บน้ำตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว สามารถเริ่มต้นสำรองให้เพียงพอใช้ได้ใน 1 วัน ดังนี้

  1. จำนวนผู้ใช้น้ำ 4 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 800 ลิตร
  2. จำนวนผู้ใช้น้ำ 5 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,000 ลิตร
  3. จำนวนผู้ใช้น้ำ 6 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,200 ลิตร
  4. จำนวนผู้ใช้น้ำ 7-8 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 1,600 ลิตร
  5. จำนวนผู้ใช้น้ำ 9-10 คน เลือกถังเก็บน้ำความจุ 2,000 ลิตร

1. การเลือกถังเก็บน้ำที่ดี แค่เราคำนึงถึง ความคงทน แข็งแรง และมีคุณภาพที่ดี โดยดูจะแบรนด์ และยี่ห้อ ที่คนนิยมใช้กัน เช่น WAVE Dos และยี่ห้ออื่นๆ หากคุณ ต้องการ เลือกซื้อถังเก็บน้ำด้วยตนเอง เราได้นำเทคนิคในการเลือกมาให้คุณได้อ่านกัน ได้แก่

2. ควรเลือกถังเก็บน้ำที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ปราศจากการปนเปื้อนของสารตะกั่ว ปรอทและโลหะหนัก

3. ควรเลือกถังเก็บน้ำที่ผลิตจากวัสดุไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หรือ Food Grade

4. ควรเลือกถังเก็บน้ำที่ใช้เทคโนโลยี Compounding หรือการใช้ความร้อน แรงดันบีบอัดสีให้เป็นเนื้อเดียวกันกับเม็ดพลาสติก ทำให้สีไม่หลุดร่อนปนเปื้อนกับน้ำ

5. ควรเลือกถังเก็บน้ำแบบทึบแสง ที่สามารถป้องกันตะไคร่น้ำ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารและโรคผิวหนัง

แนะนำถังเก็บน้ำ

- 21%

เทคนิคที่ 4 ก่อนติดตั้งปั้มน้ำควรทำอย่างไร?

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากการเตรียมพื้นที่เพื่อติดตั้งปั้มน้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการเลือกที่ติดตั้งปั้มน้ำจะส่งผลให้ปั้มทำงานดีและการใช้งานยาวนานได้นานยิ่งขึ้น ปกติแล้วช่างหรือผู้ติดตั้งจะเลือกที่ใต้ชายคาบ้านที่ไม่มีน้ำท่วมขัง ปั้มน้ำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อน ไม่ควรติดตั้งชิดผนัง และต้องห่างจากกำแพงอย่างน้อย 15 เซนติเมตร

ขั้นตอนที่ 2 ก่อนการติดตั้งปั้มน้ำต้องต่อท่อน้ำประปาจ่ายน้ำเข้าในถังเก็บน้ำก่อนเสมอ แล้วจึงค่อยต่อปั้มกับถังเก็บน้ำจากนั้นก็ต่อท่อเข้ายังบ้านของเราได้ เลย

 

 ห้ามต่อเครื่องสูบน้ำตรงกับท่อประปาะเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว การที่เรานำน้ำประปามาใช้เฉพาะบ้านตนเองจะส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านจะทำให้เพื่อนบ้านได้รับปริมาณน้ำน้อยลงและอาจส่งผลต่อระบบท่อน้ำภายในบ้านเราเองด้วย

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับบทความ “4 เทคนิคการเลือกใช้งานปั้มน้ำ และถังเก็บน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ” เราได้จำประเภทของเครื่องปั้มน้ำ มาให้คุณรู้จัก และมีหลักการเลือกซื้อถังน้ำให้เหมาะกับบ้านคุณ โดยการ คำนวณ จำนวนคนภายในบ้าน เพื่อให้คุณได้ใช้น้ำ อย่างเหมาะสม และ ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

หากท่านใด สนใจถังเก็บน้ำ แล้วปั้มน้ำ ก็สามารถมาเลือกซื้อที่ WeHome By wanawat หรือสั่งผ่านfacebook fanpage : วีโฮม WeHome เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ เรามีแอดมินที่จะคอยตอบปัญหาให้กับคุณ เพราะเรามีผู้เชียวชาญที่สามารถตอบปัญหาเรื่องปั้มน้ำ และถังเก็บน้ำได้…


สามารถเข้าใช้ช่องทางอื่นๆ ได้ที่

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline

📥2. ชอบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline

🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์https://www.wehome.co.thตลอด 24 ชม.

🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : https://www.shopee.co.th/ wehomeonline

🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : https://www.jd.co.th/shop/pc/27676.html

🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC :

📞8. มาหาเราสั่งของได้ 074-338-000

5 ขั้นตอนติดตั้งบล็อกแก้ว ด้วยตนเอง

อาคารและวัสดุตกแต่งที่ทันสมัยในรูปแบบของบล็อกแก้วให้โอกาสเพียงพอสำหรับการตกแต่งภายใน การใช้ “อิฐแก้ว” เหล่านี้ทำให้คุณสามารถใช้โซลูชั่นที่ไม่คาดคิดที่สุดสำหรับการตกแต่งห้องได้ โครงสร้างดังกล่าวมีความสะดวกในการใช้งานมาก พวกมันส่งแสงได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยมีลักษณะเป็นฉนวนความร้อนและเสียงที่มีอัตราสูง ในการติดตั้งผนัง หรือพาร์ติชั่นที่ทำจากบล็อกแก้ว คุณจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติบางประการของการทำงานกับวัสดุนี้

ขั้นตอนการติดตั้ง บล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

1. เตรียมอุปกรณ์ในการก่อบล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

เตรียมอุปกรณ์ ติดตั้งบล็อกแก้ว

อุปกรณ์ การก่อบล็อแก้ว หรือ อิฐแก้ว

2. เตรียมพื้นที่ติดตั้ง บล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

วิธีคำนวนจำนวนบล็อกแก้ว ที่ต้องติดตั้ง

1.1 คำนวน และเตรียมพื้นที่ติดตั้ง บล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

การกำหนดจุดเหล็กเสริม

1.2 การกำหนดจุดเหล็กเสริม

3. การเตรียมปูนซีเมนต์ผสมสำหรับก่อบล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

การเตรียมปูนซีเมนต์ผสมสำหรับการก่อบล็อกแก้ว

เตรียมผสมปูนซีเมนต์ อัตราส่วน 1:3:1

4. เริ่มก่อบล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

เริ่มต้นก่อบล็อกแก้วโดยก่อมุมก่อน

4.1 เริ่มต้นก่อบล็อกแก้วโดยก่อมุมก่อน

4.2 ก่อบล็อกแก้ว แถวแรก

ตรวจสอบระดับบล็อกแก้ว แนวราบ และแนวดิ่ง ใช้ระดับน้ำ

4.3 ตรวจสอบระดับบล็อกแก้ว แนวราบ และแนวดิ่ง โดยใช้ระดับน้ำ

ก่อบล็อกแก้วแถวถัดไป และวางเหล็กเสริม

4.4 ก่อบล็อกแก้วแถวถัดไป และวางเหล็กเสริม

5. เก็บงาน และแต่งร่องบล็อกแก้ว หรือ อิฐแก้ว

5.1 เก็บงานการก่อบล็อกแก้ว โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ด ทำความสะอาดเศษปูน

5.2 แต่งร่องบล็อกแก้ว ด้วยยาแนว รอให้แห้ง แล้วเช็คด้วยผ้าชุมน้ำหมาดๆ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ บทความ 5 ขั้นตอนติดตั้งบล็อกแก้ว ด้วยตนเอง สำหรับคนที่ไม่เคย ติดตั้งบล็อกแก้วมาก่อน ก็ สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้ นะคะ ในการก่อบล็อกแก้ว ก็ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยเช่นกัน เราควรป้องกันด้วย 5 อุปกรณ์นิรภัยป้องกันความเสี่ยง บทความนี้ จะนำทุกท่านไปรู้จักกับอุปกรณ์นิรภัยกันคะ

ขั้นตอน DIY. เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอด LED

ขั้นตอน DIY. เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอด LED
ขั้นตอน DIY. เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอด LED

หลอดไฟที่บ้านของคุณเปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED แล้วหรือยัง ถ้า ยัง บทความนี้ จะช่วยในการตัดสินใจของคุณได้ เพราะเราได้นำ 10 สาเหตุที่คุณควรติด หลอดไฟ LED แต่ เราไม่ได้อยากให้คุณเปลี่ยนใจโดยเร็ว เพราะเป็นความชอบของแค่ละบุคคล และวันนี้ วีโฮม เราจะพอคุณไม่รู้จัก หลอด LED ให้มากขึ้นกับ บทความ “ขั้นตอน DIY. เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอด LED” ว่าเป็นยังไง ไปอ่านกัน

ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นหลอด LED ?

อายุการใช้งาน-02

1.หลอด LED มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

คุณสมบัติเด่นของหลอดไฟ LED อย่างแรกเลยก็คืออายุการใช้งานของหลอดไฟประเภทนี้ยาวนานกว่าหลอดไฟทั่ว ๆ ไปเฉลี่ย15,000 ชั่วโมง หรือคิดง่าย ๆ ว่าหากคุณเปิดไฟ LED ติดต่อกัน 2.5 ชั่วโมงต่อวันจะสามารถใช้งานหลอดไฟประเภทนี้ได้นานถึง 15 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหลอดใหม่ เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน

ประหยัดสูงสุด 85 เปอร์เซ็น-02

2. หลอด LED ประหยัดได้สูงสุดถึง 85%

หลายคนคงตกใจเมื่อเห็นบิลค่าไฟตอนสิ้นเดือนทั้งที่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ใช้ไฟอะไรมากมายแต่ทำไมค่าไฟยังแพงอยู่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลอดไฟที่เลือกมาใช้เช่นกัน ซึ่งหากบ้านไหนใช้หลอดไฟ LED จะรู้ดีว่าหลอดไฟประเภทนี้ช่วยประหยัดไฟได้มากแม้ราคาต้นทุนจะสูงกว่าหลอดไฟประเภทอื่น ๆ แต่ถ้าลองคำนวณดูที่อายุการใช้งานที่เท่ากันก็เห็นว่าคุ้มค่ากับการลงทุนมากจริง ๆ

ปิดไฟ-02

3.หลอด LED เปิด-ปิดสวิตช์บ่อยก็ไร้ปัญหา

อาจจะพบว่าบางครั้งต้องรอสักพักใหญ่กว่าหลอดไฟจะติดหลังจากเปิดสวิตช์ไฟ แถมยังต้องระวังการเปิด-ปิดสวิตช์ไฟด้วยเพราะถ้าหากเปิด-ปิดบ่อยเกินไป จะทำให้หลอดไฟนั้น ๆ มีอายุการใช้งานสั้นลงแตกต่างกับหลอดไฟ LED ที่แทบจะไม่เจอปัญหานี้เลย เพราะสามารถเปิด-ปิดสวิตช์ได้มากกว่า 5 หมื่นครั้งโดยไม่มีผลกระทบกับฟลอดไฟ และยังให้แสงสว่างได้ทันทีเมื่อเปิดสวิตช์ไฟด้วย

หลอด LED มีหลากหลาย ดีไซน์

4.หลอด LED มีหลากหลายดีไซน์ให้เลือกใช้

หลอดไฟและโคมไฟ LED สามารถนำไปประกอบกับของใช้ที่ให้แสงสว่างได้หลากหลายรูปแบบ เพราะการออกแบบหลอดไฟLED ไม่ได้คำนึงแค่เรื่องสายตาเท่านั้น แต่ยังคลอบคลุมไปถึงการสร้างบรรยากาศด้วย ตัวอย่างเช่น คุณนุ๊ก รัชพล ที่ขอยืนยันว่าหลอดไฟประเภทนี้สามารถใช้ได้ทุกจุดในบ้าน ซึ่งนอกจากเขาจะเลือกมาตกแต่งภายในเพื่อสร้างความโดดเด่นเพิ่มมิติและเล่นแสงสีเพื่อปรับให้เข้ากับอารมณ์แล้ว ยังนำไปใช้กับไฟสวนไฟสนามรวมไปถึงสตรีทเฟอร์นิเจอร์ด้วย

ติดตั้งโคมไฟ-02-02

5.หลอด LED ไม่มีรังสียูวีที่ทำอันตรายกับผิวและให้แสงสว่างที่สมจริง

ต่อให้ไม่ได้ยืนกลางแดดผิวก็หมองคล้ำลงได้เพราะแสงไฟในบ้าน ยกเว้นแสงที่มาจากหลอด LED ซึ่งนอกจากจะไม่มีรังสียูวีที่คอยทำร้ายผิวเราแล้ว ยังเหมาะที่จะใช้กับสิ่งของหรือวัสดุที่ไวต่อความร้อนหรือแสงด้วย เช่น ในพิพิธภัณฑ์ สถานที่จัดแสดงงานอาร์ตแกลอรี่ โบราณสถาน หรือสถานที่จัดเก็บโบราณวัตถุ ทำให้สีของชิ้นงานไม่ซีดจางจากการโดนแสงไฟลามเลีย พร้อมทั้งให้แสงสว่างที่นุ่มนวล สมจริงอีกด้วย

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

6.หลอด LED เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในขณะที่การผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ประกอบด้วยสารโลหะหนัก เช่น สารปรอท ซึ่งเป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมแต่หลอดไฟ LED กลับไม่มีส่วนประกอบของโลหะหนักที่เป็นอันตราย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือผลิตด้วยวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ 100% นั่นก็หมายว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

ทดสอบเปิดไฟ-02

7.หลอด LED ใช้วัตต์น้อยแต่ให้แสงสว่างมาก

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเริ่มหันมาใช้หลอดไฟ LED กันมากขึ้น เพราะใช้กำลังวัตต์น้อยมากเมื่อเทียบกับหลอดไฟประเภทอื่น ๆ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการนำหลอดไฟ LED เชื่อมต่อเข้ากับระบบแผงโซลาร์เซลล์ และนำไปใช้กับในที่ที่ไฟฟ้าเข้าถึงยาก

8.หลอด LED ไม่ร้อนแม้ตอนใช้งาน

ทั้งหลอดนีออนและหลอดฟลูออเรสเซนต์จะเกิดความร้อนสูงขณะใช้งาน ซึ่งความร้อนของหลอดไฟก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลงไหม้ได้ง่าย แต่หลอด LED กลับลดโอกาสการเกิดอัคคีภัยได้น้อยมาก เพราะไม่เกิดความร้อนแม้ตอนเปิดใช้งาน

9.หลอด LED ไร้ฝุ่นเกาะบังแสงสว่าง

หลอดฟลูออเรสเซนต์มักมีฝุ่นเกาะเป็นประจำเมื่อใช้ไปนาน ๆ และเกิดเงารบกวนสายตาขณะทำงาน แถมบางครั้งยังมีเสียงดังออกมาขณะเปิดไฟ แต่จะไม่เจอกับ 2 ปัญหานี้เลยหากเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED

10.หลอด LED มีความสว่างที่เหมาะกับการทำงาน

ที่สำคัญหลอดไฟ LED ยังให้แสงสว่างที่พอเหมาะกับการทำงาน เหมาะกับการนำไปตกแต่งออฟฟิศ ห้องนอน ห้องน้ำ และตกแต่งห้องอื่นๆได้อีกมากมาย

การแก้ปัญหาของหลอด LED ?

1. หลอด LED กระพริบเกิดจากอะไร และแก้อย่างไร?

เหตุการณ์ทำให้หลอดไฟ LED กระพริบมีหลายปัจจัยมากมายดังนั้นเราจึงนำสาเหตเหล่านี้มีเป็นตัวอย่าง เช่น

1.1 เกิดจากบัลลาสต์เสีย บัลลาสต์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านไปยังหลอดฟลูออเรสเซนต์ และจุดหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อไฟที่บ้านมีลักษณะเป็นแสงไฟกระพริบ หรือ ไฟกระพริบไม่หยุด

          วิธีแก้ เริ่มแรกให้ลองถอด บัลลาสต์ออกเสียก่อน หากถอดแล้วไฟหยุดกระพริบ แนะนำให้เปลี่ยนตัวสตาร์ทเตอร์ใหม่ ซึ่งตัวสตาร์ทเตอร์จะทำหน้าที่คอยตัดต่อวงจรสตาร์ท เมื่อมีการเปิดสวิตช์วงจรไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนจะช่วยแก้ปัญหาไฟกระพริบได้

1.2 แรงดันและกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ เมื่อแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอส่งผลให้ ไฟ LED กระพริบ เหมือนไฟตก

         วิธีแก้ เจ้าของบ้านต้องสำรวจปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ว่ามีการใช้ไฟพร้อมกันในปริมาณที่มากเกินไปหรือไม่ และตัวหม้อแปลงไฟฟ้านั้นมีขนาดเหมาะสมกับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านด้วยหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่แล้วบางบ้านนิยมใช้หม้อแปลงไฟเก่า ที่มีขนาดแรงดัน และกระแสไฟไม่เหมาะสม จึงทำให้ ไฟกระพริบไม่หยุด

1.3 ตรวจสอบการติดตั้งหลอดไฟกับ ฮีทซิ้งค์ (แผงกันความร้อน) โดยเฉพาะหลอดไฟ LED หากติดตั้งโดยการยึดน็อตเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ทาซิลิโคนไว้ที่ตำแหน่งใต้ฐานหลอด กับตัวฮีทซิงค์ จะทำให้เกิดความร้อนสะสม จนส่งผลให้ ไฟ LED กระพริบ เหมือนไฟตก

          วิธีแก้ ควรทานซิลิโคนกันร้อนไว้ใต้ ฐานลองไฟ  เพื่อดับความร้อนของหลอดไฟ เพราะ ซิลิโคน สามารถนำเอาความร้อนจากจุดเชื่อมต่อของโลหะได้ดี ทำให้ความร้อนเกิดการถ่ายเทจากหลอดไฟ LED ผ่านไปยัง ฮีทซิ้งค์ (แผงกันความร้อน) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟกระพริบ และหลอดไปส่องสว่างเมื่อเปิดใช้งาน

1.4 ความร้อนของหลอดไฟที่ร้อนเกินไป ในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับหลอดไฟที่ติดตั้ง กับโคมไฟในบ้าน

          วิธีแก้ จำเป็นต้องเลือกโคมไฟ และขนาดของหลอดไฟที่มีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไปเมื่อประกอบเข้าใช้งานด้วยกัน เพื่อให้ความร้อนอยู่ในระดับที่พอดี ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะจะส่งผลให้เกิดไฟกระพริบ

2. ทำไม ไฟ LED กระพริบ เหมือนไฟตก ตอนปิด?

แม้ว่าหลอด LED จะมีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดพลังงานที่คุ้มค่า และเป็นที่นิยมใช้มากกว่าหลอดไส้แบบดั้งเดิม แต่ข้อเสียที่พบบ่อยของหลอดประเภทนี้คือมักเกิดไฟกระพริบเมื่อกดปิดสวิตช์ ซึ่งเหตุผลที่ไฟกระพริบก็มาจากหลายสาเหตุ เช่น การเชื่อมต่อติดตั้งไม่ถูกต้อง หลอดไฟมีความผิดปกติ หรือเกิดจากพลังงานแสงไฟในสวิตช์

3. ไฟกระพริบ แก้อย่างไร?

แก้โดยหาโคมที่มีขนาดเหมาะสมกับหลอดไฟที่ใช้งาน หรือลดจำนวนหลอดไฟให้น้อยลง หรือลองหาวิธีระบายความร้อนให้กับโคมไฟด้วยซีลีโคน หรือ ฮีทซิ้งค์(แผงกันความร้อน) เราแนะนำวิธีง่ายๆ ให้หาที่หนีบผ้าแบบอลูมิเนียม เอามาหนีบที่ฮีทซิ้งค์ของโคมไฟเพื่อช่วยระบายความร้อนก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องความร้อนได้บ้าง หรือจะทำปีกระบายความร้อน ติดพัดลมที่ฮีทซิ้งค์(แผงกันความร้อน) และวิธีอื่นๆ

*** เมื่อพบว่าหลอดไฟLED มีการกระพริบ และที่ตัวหลอดไฟมีความร้อนมากอย่าฝืนใช้งาน ถ้ามีความร้อนที่หลอดมากๆอาจทำให้หลอดไฟเสื่อม และอาจเสียหายได้***

ขั้นตอนเปลี่ยนเป็นหลอด LED ?

ปิดไฟ-เช็คไฟ ความปลอดภัย-02

ขั้นตอนที่1

     เราควรปิดสวิตไฟก่อนนะคะ แล้วนำไขควงเช็คไฟ ไปเช็คไฟที่สายไฟก่อนว่ามีไฟเข้าอยู่ไหม ปลอดภัยไว้ก่อน

ถอดขั่วไฟ-02

ขั้นตอนที่2

     แล้วใช้ไขควงถอดสายไฟจากขั้วต่อสายไฟหลังจากนั้นก็ใช้ไขควงหมุนคลายน๊อตที่ยึดระหว่างหลอดไฟกับ ฐานโคม ให้หมด (กรณีที่คุณใช้หลอดหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็ให้เอาบัลลาส์ต สตาร์ทเตอร์ ถอดออกให้หมด) ให้เหลือ ฐานโคม กับ สายไฟ

ขั้นตอนที่3

    จากนั้นให้นำหลอดไฟที่เราซื้อไว้ โดยที่เราจะยกตัวอย่าง อย่าง หลอดไฟ SWEEO  Circular-MOD  UFO 35W

ต่อสายไฟ-02

ขั้นตอนที่4

     หลังจากนั้นก็จะใช้ตัวเทอมีเนอ หรือเต๋าต่อสายไฟให้โดยไม่ต้องกังวล ว่า ต่อสายบวกหรือลบ ต่อได้เลย

ทดสอบเปิดไฟ-02

ขั้นตอนที่ 5

     ต่อขั้วเสร็จ เรียบร้อย ให้ทดลอง เปิดปิดไฟดู ถ้าไม่มีปัญหา ก็พร้อมใช้งานได้เลย

สินค้าแนะนำ

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับบทความ ขั้นตอน DIY. เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอด LED สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนหลอดไฟเก่าที่บ้านก็สามารถนำไปใช้ได้นะคะ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ facebook fanpage : “WeHome วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ” แอดมินยินดีให้คำปรึกษานะคะ

วิธีการสั่งซื้อทางช่องอื่น

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline

📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline

🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์ https://www.wehome.co.th ตลอด 24 ชม.

🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : https://www.shopee.co.th/ wehomeonline

🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : https://www.jd.co.th/shop/pc/27676.html

🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC  :

📞8. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

เลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับบ้านคุณ

เลือกใช้สายไฟให้เหมาะกับบ้านของคุณ
เลือกใช้สายไฟให้เหมาะกับบ้านของคุณ

การเลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับบ้านของคุณ หรือสำนักงาน นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง โดยปกติช่างที่ผ่านการอบรมมาจะมีความรู้ในเรื่องการใช้สายไฟอยู่แล้ว แต่หากมีการซื้อสายไฟโดยให้คนที่ไม่มีความรู้ไปซื้ออาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ดังนั้นการเลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับบ้าน จึงมีข้อควรรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ประเภทของสายไฟ ว่ามีกี่ประเภท สายไฟแต่ละประเภทสามารถใช้ไฟฟ้า กี่โวทล์ ใช้ทำ อะไรได้บ้าง

ประเภทของสายไฟ

สายไฟจะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สายสำหรับไฟแรงดันต่ำและสำหรับไฟแรงดันสูง ซึ่งสายไฟที่ใช้ตามอาคารบ้านเรือนจัดอยู่ในประเภทสายไฟแรงดันต่ำ สำหรับในประเทศไทยนั้น สายไฟแรงดันต่ำจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.11-2531 หรือ TIS-11-2531 ตามมาตรฐานแล้วสายไฟแรงดันต่ำจะต้องมีหลายขนาด (พื้นที่หน้าตัด) ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องทนแรงดันไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 300 โวลต์ ถึง 750 โวลต์ มีลักษณะเป็นสายหุ้มฉนวน ทำด้วยทองแดงหรืออลูมิเนียม โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสายทองแดงขนาดเล็กจะเป็นตัวนำตัวเดียว แต่สายขนาดใหญ่เป็นตัวนำตีเกลียว วัสดุฉนวนที่ใช้กับสายแรงดันต่ำ คือ Polyvinyl Chloride (PVC) และ Cross –Linked Polyethylene (XLPE) ได้แก่ สาย THW,VAF, VAF-GRD,NYY,NYY-GRD,0.6/1KV-CV,VCT,VCT-GRD,VSF,AV,VFF,VKF

*สายไฟตามมาตรฐาน มอก.11-2531 จะแบ่งเป็นประเภทตามขนาด ความทนแรงดันไฟและการใช้งานได้*

1. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Power Cable)

  • สายไฟที่ใช้กับแรงดันไฟฟ้าที่ไม่เกิน 750 โวทล์ (750V)
  • สายไฟนั้นทำด้วยทองแดงหรืออลูมิเนียม แต่โดยทั่วไปจะเป็นสายทองแดง
  • สายขนาดเล็กจะเป็นสายตัวนำเดี่ยว และสายขนาดใหญ่จะเป้นตัวนำตีเกลียว
  • ฉนวนที่ใช้งานจะเป็น PVC และ XLPE

1.1 สายไฟชนิด THW

สายไฟชนิด THW จะเป็นสายไฟชนิดแรงดันต่ำ รองรับแรงดันได้ 750V เป็นสายชนิดเดี่ยว มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากนำไปใช้ในวงจรไฟฟ้า 3 เฟสได้ ซึ่งสายไฟชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับการเดินฝังดินโดยตรง และเมื่อต้องการเดินลอยจะต้องยึดสายด้วย Insulator ด้วย

1.2 สายไฟชนิด VAF

สายไฟชนิด VAF จะเป็นสายไฟชนิดแรงดันต่ำ สามารถทนแรงดันได้ 300V มีทั้งชนิดสายเดี่ยว สายคู่ และแบบสามสายที่รวมสายดินไปด้วย โดยที่แต่ละสายก็จะมีฉนวนหุ้ม และมีเปลือกหุ้มที่เป็นฉนวนอยู่อีกชั้นหนึ่งด้านนอก เป็นสายไฟชนิดที่นิยมในการเดินภายในบ้านทั่วไป แต่ไม่สามารถใช้งานในการติดตั้งไฟฟ้า 3 เฟสได้ เพราะไม่สามารถรองรับแรงดันที่ 380V ได้ ยกเว้นจะติดตั้งแบบแยกเป็นแบบ 1 เฟส และใช้แรงดัน 220V

สายไฟชนิด VAF-02

1.3 สายไฟชนิด VCT

สายไฟชนิด VCT จะเป็นสายไฟชนิดแรงดันต่ำ สามารถทนแรงดันได้ 750V ตัวสายมีลักษณะกลม มีทั้งชนิด 1 ,2 แกน, 3 แกน และ 4 แกน โดยจุดเด่นของสายชนิดนี้คือจะเป็นสายที่ประกอบด้วยสายทองแดงฝอยเส้นเล็กๆ จึงทำให้สายมีความอ่อนตัวและทนต่อการสั่นสะเทือนได้ดี และยังเป็นสายที่สามารถต่อลงดินได้

1.4 สายไฟชนิด NYY

สายไฟชนิด NYY เป็นสายไฟชนิดกลมที่สามารถทนแรงดันได้ 750V มีทั้งแบบแกนเดียว และหลายแกน เป็นสายที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นสายที่มีเปลือกหุ้มอีกชั้น จึงสามารถป้องกันความเสียหายทางกายภาพได้ดีโดยสายชนิดนี้สามารถเดินฝังใต้ดินได้

สายไฟชนิด NYY-02

2. สายไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)

  • จะเป็นสายชนิดตีเกลียวที่มีขนาดใหญ่
  • สายชนิดนี้จะมีทั้งสายแบบทั้งแบบเปลือยและหุ้มฉนวน
  • สายไฟสามารถรับแรงดันได้ตั้งแต่ 1 KV ~ 36KV

2.1 สายไฟฟ้าอลูมิเนียมตีเกลียวชนิดเปลือย (AAC)

เป็นสายที่ใช้ตัวนำเป็นอะลูมิเนียมพันตีเกลียวเป็นชั้นๆ สายชนิดนี้สามารถรับแรงดันได้ต่ำ จึงไม่สามารถขึงสายให้กับเสาที่มีระยะห่างมากๆ ได้ โดยทั่วไปจะไม่เกิน 50m ยกเว้นสายที่มีขนาด 95 mm. ขึ้นไปอาจจะขึงได้ถึง 100 m.

2.2 สายไฟฟ้าอลูมิเนียมชนิดผสม (AAAC)

เป็นสายที่ผสมตัวนำจากหลายวัสดุ ทั้งอลูมิเนียม แมกนีเซียม และซีลิกอน ทำให้มีความเหนียวและแรงดันได้สูงกว่า สายอลูมิเนียมล้วน ๆ ทำให้ขึงสายได้ในระยะห่างได้มากขึ้น และทนต่อการกัดกร่อนของไอเกลือได้ดี จึงนิยมใช้เดินสายในบริเวณชายทะเล

2.3 สายไฟฟ้าอลูมิเนียมชนิดแกนเหล็ก (ACSR)

เป็นสายไฟที่ใช้ตัวน้ำเป็นอลูมิเนียมตีเกลียว และมีสายเหล็กอยู่ตรงกลาง ทำให้สามารถรับแรงดึงได้สูงขึ้น ทำให้สามารถขยายระยะห่างระหว่างเสาในการขึงได้มากขึ้น แต่สายชนิดนี้ไม่ทนต่อการกัดกร่อนของไอเกลือ จึงไม่ควรใช้งานบริเวณชายทะเล

2.4 สาย Partial Insulated Cable (PIC)

เป็นสายไฟชนิดที่นำมาใช้แทนสายเปลือย เพราะสายเปลือยมีโอกาสที่ไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย โดยสายชนิดนี้ประกอบด้วยตัวนำอะลูมิเนียมตีเกลียว แล้วหุ้มด้วยฉนวน XLPE แต่ถึงแม้ว่าสายนี้จะหุ้มฉนวนจริง แต่เป็นเพียงฉนวนที่ช่วยป้องกันการลัดวงจรเพียงเท่านั้น ห้ามสัมผัสโดยตรง

สายไฟชนิด SAC

2.5 สาย Space Aerial Cable (SAC)

เป็นสายไฟที่มีอลูมิเนียมตีเกลียวเป็นตัวนำ และหุ้มด้วยฉนวน XLPE เช่นเดียวกันกับสายไฟชนิด PIC แต่จะมีเปลือกหุ้มอีกชั้นหนึ่งทำให้มีความทนทานมากกว่าสายชนิด PIC แต่ถึงแม้ว่าจะหุ้มเปลือกอีกชั้น ก็ไม่ควรแตะต้องโดยตรงเช่นกัน แต่สายชนิดนี้ก็สามารถวางใกล้กันได้มากกว่าสาย PIC

2.6 สาย Preassembiy Aerial Cable (PAC)

เป็นสายไฟที่จัดเป็นสายชนิด Fully Insulated มีโครงสร้างใกล้เคียงกับสายไฟชนิด XLPE มีตัวนำเป็นอลูมิเนียม มีความทนทานมาก เป็นสายที่วางใกล้กันได้ สามารถเดินผ่านอาคารหรือบริเวณที่มีคนอาศัยอยู่ หรือวางพาดไปกับมุมตึกได้

2.7 สาย Cross-linked Polyethylene (XLPE)

เป็นสายที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน จัดเป็นสายชนิด Fully Insulated ที่มีส่วนประกอบหลายส่วน ดังนี้
1. ตัวนำ : โดยส่วนใหญ่จะเป็นทองแดงตีเกลียว ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของ Copper Concentric Strand หรือ Copper Compact Strand
2. ชีลด์ของตัวนำ : ทำจากสารกึ่งตัวนึง ทำให้สนามไฟฟ้าระหว่างตัวนำกับฉนวนกระจายได้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดการเกิด Breakdown
3. ฉนวน : เป็นชั้นที่หุ้มห่อชั้นชีลด์ของตัวน้ำอีกชั้นหนึ่งทำด้วยฉนวน XLPE
4. ชีลด์ของฉนวน : เป็นชั้นที่หุ้มทับชั้นของฉนวนอีกที และหุ้มด้วยชั้นของลวดทองแดง หรือเทปทองแดงอีกที เพื่อจำกัดสนามไฟฟ้าให้อยู่ภายในสายเคเบิ้ล ป้องกันการรบกวน และการต่อชีลด์ลงดินจะช่วยลดอันตรายจากการสัมผัสถูกสายเคเบิ้ลด้วย ทำให้การกระจายของแรงดันอย่างสม่ำเสมอ
5. เปลือกนอก : โดยทั่วไปจะหุ้มด้วยพลาสติก PVC หรือ PE ขึ้นอยุ่กับลักษณะของงาน โดยทั่วไปถ้าใช้งานกลางแจ้งจะใช้เป็น PVC ส่วน PE มักจะใช้กับการเดินลอย เพราะมีความทนทานต่อสภาพอากาศ และถ้าหากเดินใต้ดินอาจจะมีชั้นของ Service Tape อาจจะทำด้วยผ้า คั่นระหว่างชีลด์กับเปลือกนอกช่วยป้องกันการเสียดสีและกระทบกระแทก

เลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับประเภทของงานคุณ

1. สายไฟสำหรับติดตั้งภายในบ้าน หรือ อาคาร

การเลือกสายไฟสำหรับ บ้านพักอาศัย หรือ อาคารขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของการผลิตที่ได้มาตรฐาน มอก. และ มาตรฐานระดับสากล IEC เพราะสายไฟในกลุ่มประเภท Household รวมไปถึงสายโทรศัพท์ เป็นสายไฟที่ใกล้ตัวผู้อยู่อาศัยมากที่สุด และอยู่รอบตัวของผู้ใช้ตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  • ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  • ฉนวนและเปลือกสายไฟต้องเลือกใช้ PVC เกรดพิเศษที่สามารถทนอุณหภูมิความร้อนได้ตรงตามมาตรฐานกำหนด เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไม่รั่วไหลมาทำอันตรายแก่ผู้ใช้งาน และสายไฟมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สำหรับสายไฟในกลุ่ม Household จะมีแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 300V-750V ได้แก่ สาย 60227 IEC01 (THW),VCT,VAF,NYY

2. สายไฟฟ้าสำหรับระบบสาธารณูปโภค

สายไฟฟ้าในระบบสาธารณูปโภค เป็นระบบที่สำคัญในการเชื่อมโยง ระบบไฟฟ้าแรงสูงจากโรงผลิตไฟฟ้า เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานไฟฟ้า ที่เชื่อมต่อให้ประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้นสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่ใช้งานเพื่อเป็นสายส่งนั้น ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด มีสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  • ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  • ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ที่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส
    สายไฟที่่ใช้ในงานสาธารณูปโภค โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า การไฟฟ้า การส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าบนดินและใต้ดิน นั้นจะประกอบไปด้วยสายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง และสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ รวมไปถึงสายไฟฟ้าที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันน้ำ ป้องกันไอระเหยหรือการกัดกร่อนจากสารเคมี และอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้ง โดยเป็นสายไฟฟ้าแรงดันสูงตั้งแต่ 36kV – 170kV และ สายไฟแรงดันสูงพิเศษ 230 kV ขึ้นไป

3.สายไฟที่ใช้ในงานอาคารสูง อาคารสาธารณะ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ

การติดตั้งสายไฟภายในอาคารสูง โรงงาน หรือ อาคารสาธารณะ ต้องเริ่มจากการออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและต้องเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานกำหนด เพราะความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐาน คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  •  ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  • ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ทึ่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส
    สายไฟบางชนิดควรมีโครงสร้างโลหะเพื่อสามารถรับแรงกระแทกที่เกิดจากติดตั้งสำหรับสายไฟในกลุ่ม Building and Construction จะเป็นสายไฟชนิด Low Voltage โดยมีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000V เช่น สาย CV,CV-AWA,CV-SWA เป็นต้น

4. สายไฟที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป ตลอดจนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี วัสดุพอลิเมอร์ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ

การออกแบบและติดตั้งสายไฟฟ้าในระบบอุตสาหกรรมทั่วไป ตลอดจนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี วัสดุพอลิเมอร์ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ต้องคำนึงถึงประเภทของสายไฟชนิดพิเศษที่มีความเหมาะสมต่อระบบอุตสาหกรรม เครื่องจักรที่ใช้งาน ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบป้องกันไฟไหม้

เพื่อให้กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมเป็นไปได้อย่างถูกต้อง สะดวก และ ปลอดภัยสูงสุด ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  • ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  •  ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ที่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส
    สายไฟในกลุ่ม Industrial,Oil&Gas and Petrochemical ประกอบไปด้วยสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง และสายไฟฟ้าแรงดันต่ำที่มีคุณสมบัติพิเศษชนิดทนไฟ ไม่ลามไฟ มีควันน้อย และไม่มีก๊าซพิษ รวมไปถึงสายไฟฟ้าที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันน้ำ ป้องกันไอระเหยหรือการกัดกร่อนจากสารเคมี และอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้ง

ประโยชน์ของการเลือกใช้สายไฟที่ถูกต้อง

สายไฟที่มีคุณภาพ ปัจจุบันไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นและอยู่รอบตัวเรา เราใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกๆวัน ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์ แก่ มนุษย์อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามแม้ว่าไฟฟ้าจะให้ประโยชน์มากมายเพียงใด หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ใช้ด้วยความประมาท ก็อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้เช่นกัน การใช้ไฟฟ้าจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

สายไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นทั้งตัวนำพลังงานไฟฟ้ามาให้เราใช้งานและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ปกป้องเราจากอันตรายของไฟฟ้าด้วย สายไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพมักจะผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือคุณลักษณะไม่ผ่านตามมาตรฐาน เช่น ขนาดตัวนำทองแดงหรือความหนาฉนวนต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้สายไฟฟ้าไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าหรือจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามที่มาตรฐานกำหนด เมื่อนำมาใช้งานก็อาจเกิดความร้อนสูงหรือเกิดลัดวงจร เป็นอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าจึงไม่ควรพิจารณาเพียงราคาถูกที่สุดหรือใช้สายอะไรก็ได้ แต่จำเป็นต้องเลือกใช้สายไฟที่มีความน่าเชื่อถือ และมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคุณจากอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน

ตารางตัวอย่างการใช้งานของสายไฟแต่ละเส้น

สินค้าแนะนำ

สินค้าหมดแล้ว
สินค้าหมดแล้ว
สินค้าหมดแล้ว
สินค้าหมดแล้ว
สินค้าหมดแล้ว
สินค้าหมดแล้ว

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับบทความ “เลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับบ้านคุณ” ที่เราได้นำความรู้เกี่ยวกับประเภทของสายไฟ ที่ทุกคนต้องควรรู้ ไม่ว่าจะเป็น ประเภทสายไฟแรงดันต่ำ หรือแรงดันสูง แล้วยัง บอกถึงการใช้สายไฟให้เหมาะกับหน่วยงานต่างๆอีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook fanpage : “WeHome วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ” แอดมินยินดีให้คำปรึกษานะคะ

ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก : http://www.pdcable.com/บทความ/สายไฟ-คืออะไร/

https://www.cablegland-center.com/power-cable/

วิธีการสั่งซื้อทางช่องอื่น : 📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline

📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline

🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์ https://www.wehome.co.th ตลอด 24 ชม.

🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : https://www.shopee.co.th/ wehomeonline

🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : https://www.jd.co.th/shop/pc/27676.html

🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC  :

📞8. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

วิธียาแนวกระเบื้อง ด้วยตัวเอง

B3วิธียาแนวกระเบื้องด้วยตัวเอง
B3วิธียาแนวกระเบื้องด้วยตัวเอง

ปัญหาของ คุณพ่อบ้าน คุณแม่บ้าน ที่ต้องการจะยาแนวกระเบื้อง ตอนนี้ไม่ใช้เรื่องยากสำหรับคุณ เพราะเราได้ทำ เทคนิค หรือวิธีการยาแนวกระเบื้องมาฝากทุกท่านกันคะ แอดเข้าใจนะคะว่า บางครั้งเราอยากจะจ้างช่างแต่ ช่างอาจมาช้าบ้างละ ไม่ว่างบ้างละ หรือ ทำไม่ทั่วถึงบ้างละ วันนี้เราได้นำวิธียาแนวกระเบื้องปูพื้น และปูผนัง มาฝากกันคะ (การยาวแนวไม่ใช้การปูพื้น แต่เป็นแค่การปิดร่องระหว่างกระเบื้องนะคะ)

ก่อนอื่นเลย เราต้องมารู้จักกับคำว่า ยาแนวกระเบื้อง คือ การเติมเต็มช่องว่างระหว่างแผ่นกระเบื้อง ช่วยให้พื้น หรือผนังกระเบื้องสวยงาม ป้องกันฝุ่น น้ำ ความชื้น รวมไปถึงเชื้อโรคไม่ให้สะสมอยู่ในร่องกระเบื้อง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการผุกร่อนของกาวซีเมนต์ภายใต้แผ่นกระเบื้องอีกด้วย ดังนั้น การยาแนวกระเบื้อง จึงเป็นอีก 1 ขั้นตอนที่ควรต้องทำ หลังจากปูกระเบื้องเสร็จ ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก และห้องครัว จะมีวิธีใดบ้างไปดูกันคะ!

เตรียมอุปกรณ์สำหรับยาแนวกระเบื้อง

อุปกรณ์ที่ใช้ค่อนข้างง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ทุกอย่างหาได้จากร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง มีดังต่อไปนี้

1) ที่ขูดร่อง (มีหลายแบบ ลองถามเจ้าของร้านดูว่าอยากได้ที่ขูดร่องกระเบื้อง เดี๋ยวเค้าก็จัดมาให้เอง)
2) เกียงสามเหลี่ยม หรือเกรียงบาดยาแนว (ถ้าเป็นเกียงยางจะดีมาก)
3) กาวยาแนวตราจระเข้ มันมีหลายสีมาก แต่เบสิคสุดก็สีขาว สีครีมและก็สีดำ เลือกให้เหมาะสมกับสีของกระเบื้องนะคะ สำคัญมาก ถ้าเลือกสีผิดต้องทำใหม่หมดเลยนะ

4) ถุงมือยาง เพราะการยาแนวกระเบื้องจะทำให้เลอะเทอะมาก ไม่ใส่มือจะเละเอานะคะ
5) ฟองน้ำ ขอใหญ่ ๆ ใหญ่กว่าในรูป เพราะต้องใช้เช็ดเยอะพอสมควร
6) ผ้าแห้ง ถ้ายาแนวพื้นที่เยอะก็เตรียมไว้หลาย ๆ ผืน
7) ถ้วยผสม เตรียมให้เหมาะกับปริมาณที่ต้องใช้ ถ้าใช้ไม่เยอะก็เลยใช้แก้วพลาสติคได้คะ
8) ไม้คนยาแนว สามารถใช้อะไรก็ได้ คะ หรือถ้าไม่ปริมาณไม่แยะจะใช้ตะเกียบคนเอา ก็ได้คะ

ขั้นตอนการยาแนวกระเบื้อง

ขั้นตอนที่ 1 ทำความสะอาดร่องกระเบื้อง

1) อย่างแรกเลยคือต้องทำความสะอาดร่องก่อน เพราะถ้าร่องมีคราบมันหรือว่าตื้นไปจะทำให้ยาแนวยึดไม่อยู่ หรืออยู่ได้ไม่นานก็หลุด ดังนั้นก็ใช้ขูดร่องทำความสะอาดแต่ละร่องเต็มที่ ร่องไหนตื้นก็ขูดให้มันลึกลงไป ร่องไหนมีคราบอะไรอยู่ด้านไหนก็คว้านมันออกมาให้หมด ใช้เวลากับมันเต็มที่ !

ขั้นตอนที่ 2 ผสมยาแนวกับน้ำด้วยอัตราที่เหมาะสม-1

2) ผสมยาแนวกับน้ำด้วยอัตราส่วนตามที่กำหนดไว้หลังถุง อย่างสีดำก็ยาแนว 2.5 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน เคล็ดลับตรงนี้คือ “ต้องเทยาแนวลงไปในน้ำเท่านั้น เพราะ ถ้าเทน้ำลงไปในยาแนวจะคนไม่ได้เลย ต้องทิ้งอย่างเดียว”  จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวแล้วก็วางพักทิ้งไว้ 10 นาทีเพื่อให้มันทำปฏิกิริยาเคมีกัน

ขั้นตอนที่ 3 ตัดส่วนผสมมาปาดลงร่องโดยปาดทำมุม 45 องศา

3) ตัดส่วนผสมมาปาดลงร่องโดยปาดทำมุม 45° กับปาดตามแนวร่องสลับกันไปเพื่อให้ยาแนวถูกปาดลงไปในร่องอย่างสวยงาม การปาดนี่ไม่ต้องปาดทั้งกระเบื้องนะ ถ้ากระเบื้องใหญ่ ๆ ก็ทำที่ตรงร่องก็พอ ที่เห็นในรูปว่าปาดไปทั่วก็เพราะว่ามันเป็นโมเสคซึ่งเล็กมากเลยปาดไปทั้งอันได้ แต่เกลี่ย ๆ หน่อยอย่าให้หนาไปก็พอ ตรงไหนที่ไม่ใช่ร่องแล้วมียาแนวเลอะออกมาเยอะก็ปาดไปใช้ตรงอื่นเพื่อความไม่เปลือง

วางทิ้งไว้ให้ยาแนวฟอร์มตัวสัก 15 นาที

4) พอปาดยาวแนวเสร็จแล้วให้วางทิ้งไว้ให้ยาแนวฟอร์มตัวสัก 15 นาที

ขั้นตอนที่ 4 ใช้ฟองน้ำชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดเช็ดทำความสะอาดกระเบื้อง

5) หลังจากทุกอย่างเริ่มฟอร์มตัวดีให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดเช็ดทำความสะอาดกระเบื้อง ขั้นตอนนี้จะเหนื่อยหน่อยคือเช็ดเสร็จแล้วก็เอาฟองน้ำไปล้างแล้วก็เช็ดใหม่ ทำไปจนกระเบื้องดูสะอาดขึ้นแบบนี้

ขั้นตอนที่ 5 เช็ดทำความสะอาดกระเบื้อง

6) ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เหลือ

7) วางทิ้งไว้ห้ามโดนน้ำ 24 ชั่วโมง จากนั้นก็ทำความสะอาดกระเบื้องด้วยน้ำและสบู่ให้เรียบร้อย แล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี เริ่มใช้งานได้เลย

สินค้าแนะนำ

เกรียงปาดยาแนว

เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง

- 13%

กระเบื้องบุผนัง

- 12%
Original price was: ฿567.00.Current price is: ฿499.00.
- 12%
Original price was: ฿567.00.Current price is: ฿499.00.

เป็นยังไงกันบ้างคะ  กับ วิธียาแนวกระเบื้อง ด้วยตัวเอง หวังว่าจะเป็นประโดยสำหรับคนที่ต้องการปูกระเบื้องด้วยตัวเอง และยังไม่ต้องจ้างช่างมาติดตั้งอีกด้วย การยาแนวกระเบื้องถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนก็ ทำ ได้ และหากท่านต้องการ รู้ วิธีเก็บรักษาและบำรุงรักษาเครื่องมือช่างในบ้านของคุณ สามารถกดเพื่อรับชมได้เลยคะ

ทั้งนี้ หากทานใดสงสัย และสนใจผลิตภัณฑ์แบบใด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามาได้ที่ facebook fanpage : WeHome วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ แอดมินยินดีให้คำปรึกษานะคะ

ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก : nuuneoi

วิธีการสั่งซื้อทางช่องอื่น

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline

📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : In Box วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ

🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์ https://www.wehome.co.th ตลอด 24 ชม.

🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA :WeHome Online

🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : WeHome Online

🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : WeHome Online

🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC  :

📞8. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

ทำไมต้องเลือกใช้เทปกันเสียง?

เทปกันเสียง Noise Zeal SCG
เทปกันเสียง Noise Zeal SCG

นอกจากการได้อาศัยอยู่ในบ้านที่สวยงาม กว้างขวาง ปลอดโปร่ง เป็นสัดส่วนแล้ว คุณภาพชีวิตของสมาชิกทุกคนในบ้านจะดีขึ้น และมีความสุขได้มากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า เมื่อเราจัดการควบคุม “ปัญหาเสียงรบกวน” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ คนมักมองข้ามเรื่องนี้ไป จนทำให้เป็นจุดรบกวนเล็กๆ สะสมกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้การอยู่อาศัยไม่มีความสุขได้ในที่สุด

ทั้งนี้ ปัญหาเสียง จึงต้องควบคุมโดย เทปกันเสียง (Noise Zeal) เป็นเทปสำหรับใช้ติดบริเวณประตู-หน้าต่าง เพื่อแก้ไขปัญหาเสียงดังจากภายนอกที่ลอดทะลุผ่านเข้ามาสร้างความรบกวนภายในบ้าน คอนโด หรือว่าห้องทำงานในออฟฟิศ โดย เทปกันเสียง (Noise Zeal) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยางวิศวกรรมคุณภาพสูงชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในประตูรถยนต์ เพื่อป้องกันเสียงดังจากภายนอกถนน ไม่ให้ดังเข้ามาด้านในตัวรถ ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้มั่นใจได้ว่า เทปกันเสียง (Noise Zeal) ได้รับการพัฒนานำมาใช้กับประตู-หน้าต่างในบ้าน จึงสามารถป้องกันเสียงดังจนทำให้เสียงดังที่เคยได้ยินนั้นลดลงแบบรู้สึกได้ทันที แต่ทั้งนี้ คุณประโยชน์ของ เทปกันเสียง (Noise Zeal) นั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาเสียงดังเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง

เทปกันเสียงมีข้อดีอะไรบ้าง?

คุณสมบัติข้อดีโดดเด่นที่ไม่เหมือนกันด้วย ทั้งนี้ เทปกันเสียง (Noise Zeal) SCG นั้น มีข้อดีเด่นด้วยกันอยู่ 7 ประการ ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ดังต่อไปนี้

1. ผลิตจากยางคุณภาพลดเสียงดังป้องกันเสียงได้จริง

ผลิตจากยางวิศวกรรมคุณภาพสูง ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น แบบเดียวกันกับที่ใช้ติดประตูรถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงบนท้องถนนดังทะลุผ่านเข้ามาในตัวรถได้ จึงมั่นใจได้ว่ามีประสิทธิภาพในการกันเสียงได้จึง ซึ่งสามารถลดเสียงดังได้สูงสุดถึง 5 เดซิเบล หรือ รู้สึกว่าเสียงดังเบาลงกว่าเดิมได้ทันทีที่ติดตั้งเสร็จ

2. รองรับการใช้งานได้กับประตูหน้าต่างหลายรูปแบบ

ใช้สำหรับติดบริเวณประตูหน้าต่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในทางผ่านสำคัญของเสียงดังที่จะทะลุเข้ามาตามช่องวงกบ หรือ รางเลื่อนได้ ซึ่งไม่ว่าที่บ้าน หรือห้องคอนโดจะใช้หน้าต่างประตูแบบบานพับ บานสวิง บานกระทุ้ง หรือว่าเป็นบานเลื่อนแบบสไลด์ ก็สามารถติดตั้งเทปกันเสียง SCG เพื่อแก้ไขปัญหาเสียงดังได้ทั้งหมด

3. ติดตั้งง่าย ไม่ต้องง้อช่าง

เทปกันเสียง Noise Zeal ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมากๆ ใครก็ติดตั้งตั้งได้เอง ไม่ต้องจ้างช่าง โดยวิธีการติดตั้ง ก็จะเหมือนการใช้งานเทปกาวทั่วไป คือ ลอกตัวเทปยางออก แล้วติดลงไปตามแนววงกบประตูหน้าต่าง หรือหากเป็นประตูหน้าต่างแบบบานเลื่อน ก็ติดไปที่ด้านประตูฝั่งที่จะเลื่อนมาปิด โดยเว้นตรงตัวล็อกไว้ เพื่อให้ปิดประตูล็อกได้ตามปกติ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

4. ลอกออกไม่ทิ้งคราบ เหมาะกับชาวคอนโด

กาวของเทปกันเสียง SCG เป็นกาวคุณภาพพิเศษ ที่ลอกออกแล้วไม่ทิ้งคราบ และยังติดแน่นทนทาน ซึ่งด้วยคุณภาพของการลอกออกไม่ทิ้งคราบนี้เอง  จึงทำให้ติดตั้งง่าย เพราะหากติดพลาดก็ไม่ต้องกลัวเสียของ  สามารดึงออกแล้วติดใหม่ได้เลยโดยที่ยังคงความเหนียวสนิทแน่นเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันเมื่อไม่ทิ้งคราบเวลาต้องดึงออก และเป็นการติดตั้งแบบไม่ต้องตอก เจาะ อะไรเพิ่ม จึงเหมาะกับชาวคอนโด หรือผู้ที่อยู่ห้องเช่าแล้วมีปัญหาเพื่อนข้างห้องเสียงดัง เพราะติดตั้งได้ง่าย ไม่เสี่ยงก่อให้เกิดความเสียหายกับประตูหน้าต่างใดๆ

5. อายุการใช้งานยาวนาน

ด้วยความเป็นยางวิศวกรรมคุณภาพจากนวัตกรรมการผลิตของญี่ปุ่น จึงทำให้เทปกันเสียง Noise Zeal SCG มีความแข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกของการปิดประตูหน้าต่างได้เป็นอย่างดี มีอายุการใช้งานยาวนาน ติดตั้งเพียงครั้งเดียว ก็แก้ปัญหาเสียงดังไปได้ยาวนานเป็น 10 ปี

ตารางรายละเอียดเทปกันเสียง

เทปกันเสียงป้องกันอะไรได้บ้าง?

ติดตั้งเทปกันเสียงต้องทำไง?

        ในการติดตั้ง เทปกันเสียง (Noise Zeal) นั้น มีความสะดวกและง่ายเป็นกันกับการติดสก็อตเทป โดยมีขั้นตอนเพียงแค่ 3 ขั้นตอน

เช็คบานพับ และบานสไลด์ Noise Zeal

1. เช็ดทำความสะอาด

    ทำความสะอาดบริเวณวงกบหน้าต่าง ประตู หรือขอบประตูที่จะติดตั้งไม่ให้มีคราบน้ำมัน หรือ ฝุ่นตกค้างแล้วเช็คให้แห้งสนิท

ลอกเทปกันเสียง Noise Zeal

2. ลอกออกไม่ทิ้งคราบ

     ลอกกระดาษสีขาวออก ติดเทปดำแนบไปตามวงกบหน้าต่าง/วงกบประตูบานพับ หรือร่องหน้าต่าง/ร่องประตูบานสไลด์ตลอดความยาวของหน้าต่าง/ประตูนั้น

3. ติดเทปเข้ากับร่อง

    ใช้มือกดตัวเทป Noise Zeal สีดำไปตามวงกบ หรือ ร่องของประตู-หน้าต่างนั้นๆ โดยกดให้แน่นสนิทไปกับบริเวณที่ติดตั้งตลอดความยาวเทป

ติดเทปกันเสียง Noise Zeal (2)

4. ตัด หรือต่อเทป กรณียาวเกิน หรือสั้นไป

     กรณีความยาวเทปเกินความยาวหน้าต่าง หรือประตู สามารถตัดออกให้พอดีโดยใช้คัตเตอร์ หรือกรรไกรติด และหาความยาวเทปไม่เพียงพอ สามารถนำเทปม้วนใหม่ ที่มีขนาดหน้ากว้างเท่ากัน มาต่อชนไปจนสุดระยะหน้าต่าง หรือประตู

สินค้าแนะนำ

เทปกันเสียง (Noise Zeal) จะมีด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่

>> ขนาดสำหรับประตู-หน้าต่างบานสไลด์ ซึ่งถือว่ารองรับประเภทของประตู-หน้าต่างส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

>> ขนาดสำหรับประตู-หน้าต่างประเภทบานสวิง บานพับ หรือบานกระทุ้ง

รู้หรือยังคะ ว่า ทำไมต้องเลือกใช้เทปกันเสียง? เพราะเทปกันเสียง (Noise Zeal) SCG ด้วยความเป็นยางวิศวกรรมคุณภาพจากนวัตกรรมการผลิตของญี่ปุ่น จึงทำให้เทปกันเสียง Noise Zeal SCG มีความแข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่น ทุกบ้านจึงต้องควรใช้ เทปกันเสียง (Noise Zeal) SCG ไม่แค่ป้องกันเสียง แต่ยังช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทนต่อแรงกระแทกของการปิดประตูหน้าต่างได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึ่งประสงค์จากภายนอก และยังป้องกันแมลงไม่ให้เข้ามารบกวนในบ้านของคุณได้อีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเปลืองแรง แค่ “ลอก ติด  ตัด” ก็ สามารถกันเสียงรบกวนได้แล้ว และยังมีอายุการใช้งานยาวนาน ติดตั้งเพียงครั้งเดียว ก็แก้ปัญหาเสียงดังไปได้ยาวนานถึง 10 ปี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook fanpage : “WeHome วีโฮม เพื่อนบ้านที่เข้าใจคุณ” แอดมินยินดีให้คำปรึกษานะคะ

ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก : https://www.acousticexpert.co/

วิธีการสั่งซื้อทางช่องอื่น

📲1. ช้อปผ่าน LINE : @wehomeonline

📥2. ช้อบผ่าน Inbox Facebook Page : m.me/WeHomeOnline

🌍3. ช้อปผ่านเว็บไซต์ https://www.wehome.co.th ตลอด 24 ชม.

🛒4. ช้อปผ่าน LAZADA : https://www.lazada.co.th/shop/wehome-online

🛒5. ช้อปผ่าน Shopee : https://www.shopee.co.th/ wehomeonline

🛒6. ช้อปผ่าน JD CENTRAL : https://www.jd.co.th/shop/pc/27676.html

🛒7. ช้อปผ่าน NOC NOC  :

📞8. โทรหาเราสั่งของได้ 074-338-000

Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • SKU
  • Rating
  • Price
  • Stock
  • Description
  • กำลังไฟฟ้า (วัตต์)
  • ขนาด
  • ความหนา
  • จำนวนช่อง
  • จำนวนชั้น
  • ชนิดฟิล์ม
  • การติดตั้ง
  • ทิศทาง
  • จำนวนที่นั่ง
  • น้ำหนัก (Kg)
  • ประเภทสินค้า
  • มาตรฐานการป้องกัน
  • ยาว
  • ยี่ห้อ
  • ระบบเปิด-ปิด
  • ระยะที่วัดได้
  • รูปทรง
  • ลักษณะบาน
  • วัสดุ
  • วัสดุหลัก
  • สี
  • หนา
  • เบอร์
  • แสงไฟ
  • Add to cart
  • Additional information
Click outside to hide the comparison bar
เปรียบเทียบ